แบบบ้าน โฮมสเตย์ โฮมสเตย์ คือ รูปแบบของที่พักที่เป็นประเภท หนึ่งของการท่องเที่ยวแบบชนบท (Rural Tourism) เป็นที่พักที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ใกล้ชิดกับวิถีชีวิตชุมชน
ที่พักแบบโฮมสเตย์นั้น เกิดขึ้นครั้งแรกในทวีปยุโรป หลังช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จากนักท่องเที่ยวในยุคนั้นที่แสวงหาแหล่งท่องเที่ยว และที่พักที่หลีกหนีจากความวุ่นวาย ห่างไกลจากสังคมเมือง ต้องการอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ฟาร์มนอกเมืองต่างๆ ในเวลานั้นจึงเปิดบ้านเป็นที่พัก มีกิจกรรมเกี่ยวกับศิลปะวัฒนธรรม และทำอาหารพื้นเมืองเสิร์ฟนักท่องเที่ยว คำว่า “โฮมสเตย์” จึงหมายถึงที่พักสำหรับ นักท่องเที่ยวในลักษณะนั่นเอง สไตล์มินิมอล
แบบบ้าน โฮมสเตย์
ส่วนที่มาที่ไปของโฮมสเตย์ ในประเทศไทยนั้น ปีที่เกิด การพักในลักษณะโฮมสเตย์ขึ้นครั้งแรก คือ ปี พ.ศ. 2503 จากกลุ่มนักศึกษา ที่ออกค่ายพัฒนาชนบท เพื่อเรียนรู้ถึงปัญหาท้องที่ และหาแนวทางพัฒนาชุมชน จากนั้นการพักอาศัยในลักษณะนี้ก็กระจายไป สู่กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยที่พักลักษณะโฮมสเตย์จะอยู่ตามเส้นทางการเดินป่า ในทางภาคเหนือของประเทศไทย
ต่อมาในปี พ.ศ. 2539 จึงเกิดเป็นโฮมสเตย์นำร่องของไทย คือ มีจุดประสงค์ให้พื้นที่ ที่มีโฮมสเตย์นั้น เป็นพื้นที่ที่พัฒนาชุมชน โดยพื้นที่แรกๆ ที่เกิดขึ้น คือ เกาะยาว จังหวัดพังงา เป็นโฮมสเตย์ที่นักท่องเที่ยว ได้เรียบรู้วิถีชีวิตของชาวประมงชายฝั่ง จากนั้นก็มีพื้นที่ในจังหวัดอื่นๆ ตามมา ซึ่งในปัจจุบันก็มีหลายท้องที่ ที่ได้พัฒนา นำธุรกิจโฮมสเตย์มาทำควบคู่กับ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศนั่นเอง
แบบที่ 1 บ้านโฮมสเตย์ไม้ยกพื้นสูง
โฮมสเตย์บ้านนาต้นจั่น จากจังหวัดสุโขทัยกันหน่อยค่ะ ที่นี่เป็นบ้านพักโฮมสเตย์พื้นบ้าน ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ที่ได้บรรยากาศอบอุ่น และใกล้ชิดกับธรรมชาติเป็นที่สุด ได้หลีกหนีจากมลพิษในเมืองมาสูดโอโซนธรรมชาติแบบนี้ ก็ทำให้มีแรงกลับทำงานต่อกันได้แล้วนะคะ มาที่นี่นอกจากจะได้พักบ้านสวย แบบไทยโบราณชวนย้อนอดีตกันแล้ว ยังจะได้เห็นวิถีชีวิตดั้งเดิมของ คนสมัยก่อนเออีกด้วย พร้อมแล้วมาดูกันต่อได้เลย
แบบที่ 2 บ้านโฮมสเตย์ครึ่งไม้ครึ่งปูนสุดสบาย
ลักษณะ บ้านชั้นเดียว 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ พร้อมห้องพักผ่อน ห้องครัว รับประทานอาหาร และระเบียง พื้นที่ใช้สอย 48 ตร.ม. ราคาประมาณ 4.8 แสนบาท
บ้านครึ่งไม้ครึ่งปูนบรรยากาศสุดสบายแต่งน้อย แต่น่าอยู่ ขอมีชีวิตที่เรียบง่ายสบายใจแบบนี้ก็เพียงพอแล้วนะ มาดูภายในกันต่อ บ้านหลังนี้ออกแบบมาเป็นบ้านชั้นเดียวที่ยกระดับพื้นขึ้นจากระดับดินเล็กน้อย เพียงพอให้พ้นจากความชื้นหน้าดิน และช่วยให้รู้สึกเป็นส่วนตัวมากขึ้น หลังคาบ้านทรงหน้าจั่ว ผนังด้านขวาเป็นผนังปูนฉาบทาสีขาว ด้านซ้ายเป็นระเบียงโปร่งไว้นั่งพักผ่อนสบาย ๆ
ตัวบ้านโปร่งเย็นสบาย รอบนอกเป็นพื้นที่สวนโปร่ง ๆ มุมด้านซ้ายแขวนเปลญวนไว้ ให้นอนเล่นในวันหยุด กั้นราวระเบียงแค่เตี้ย ๆ ทำให้บ้านไม่ดุทึบเกินไ มุมด้านซ้ายแขวนเปลญวนไว้ ให้นอนเล่นในวันหยุด กั้นราวระเบียงแค่เตี้ย ๆ ทำให้บ้านไม่ดุทึบเกินไป บนระเบียงด้านหน้านี้ ยังจัดโต๊ะทานอาหารเอาไว้ด้วย
ด้านในเป็นพื้นที่ห้องครัว มีหน้าต่างเปิดได้กว้าง เหนือเคาน์เตอร์ เสิร์ฟอาหารได้สะดวกดี เหนือราวลูกกรงเป็นแผ่นไม้สำหรับนั่งเล่นห้อยเท้าไปด้านนอกได้ เหนือราวลูกกรงเป็นแผ่นไม้ สำหรับนั่งเล่นห้อยเท้าไปด้านนอกได้ เข้าไปภายในจะพบกับห้องนั่งเล่นพักผ่อน ตกแต่งเรียบง่าย จัดวางโซฟาโครงเหล้ก ไว้ปรับเอนนอนได้เลย
ห้องนอนอยู่ด้านข้าง จำเป็นต้องกางมุ้งด้วยเพราะในบ้านไม่ได้ติดตั้งมุ้งลวดเลย บริเวณนี้จะเป็นห้องครัวค่ะ เคาน์เตอร์ครัวเป็นไม้ซุงสไลด์ ติดตั้งไว้เต็มผนัง พร้อมหิ้งชั้นบนเก็บภาชนะต่าง ๆ ได้เยอะดี ห้องครัวออกแบบช่องแสงหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ทั้งสองมุม ไม่ต้องกลัวว่าจะมืดกันเลย
อีกด้านติดตั้งแพนทรี่จัดวาง เครื่องใช้ไฟฟ้าเอาไว้ เป็นมุมชงกาแฟ หรือทำเครื่องดื่มต่าง ๆ ได้ เคาน์เตอร์ครัวสะอาดเรียบง่ายดี แบบนี้ราคาไม่แพง และทำเองได้ด้วยนะ บริเวณรอบนอกของบ้านเป็นสวนโปร่ง ๆ สงบและร่มรื่นมาก มีส่วนเพิงจอดรถแยกไว้ต่างหาก ไม่ไกลจากตัวบ้าน ร่มรื่นน่าอยู่ เพื่อชีวิตเรียบง่ายที่ไม่ ต้องการความวุ่นวายจริง ๆ เลย
แบบที่ 3 โฮมสเตย์บ้านเหล่าพัฒนา
เป็น โฮมสเตย์ ที่ได้รับรองมาตรฐานโฮมสเตย์ไทยประจำปี 2556 เป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับวิถีเกษตรผสมผสาน พร้อมตระการตากับจุดชมวิวม่อนเงาะ ที่มีความสูงชันสามารถ มองเห็นทิวทัศน์
โดยรอบได้สวยงาม ตลอดจนศึกษาเส้นทางธรรมชาติ และได้ผจญภัยล่องแก่ง ในลำน้ำแม่แตงสบก๋ายที่มี ความสนุกตื่นเต้นเร้าใจกว่าใคร นอกจากนี้ยังได้สัมผัสกับ วิถีชีวิตของชาวบ้าน และวิถีการเกษตรภายในชุมชน โดยเฉพาะการเก็บเมี่ยงซึ่งเป็นอาชีพ ที่สืบทอดต่อกันมา และที่สำคัญนักท่องเที่ยว จะได้รับการต้อนรับที่อบอุ่น ได้รับการดูแลเอาใจใส่เสมือนเป็นคนในครอบครัว
แบบที่ 4 บ้านภูษิตโฮมสเตย์
ตั้งอยู่ตำบลคลองโคน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการที่พักพร้อม กับการนำเที่ยวครบวงจรของตำบลคลองโคน ซึ่งอยู่ติดกับปากอ่าวแม่กลอง และปากอ่าวเพชรบุรี รอบ ๆ แวดล้อมไปด้วยป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย พร้อมให้บริการกระเตงที่พัก (บ้านพักในน้ำ)
ท่ามกลางธรรมชาติ ที่อุดมสมบูรณ์ของปากอ่าว มีกุ้ง หอย ปลา ปูตัวโต ๆ สด ๆ เนื้อหวาน ๆ ให้ได้ลิ้มลอง อีกทั้งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับ วิถีชาวประมงพื้นบ้านอย่างใกล้ชิด ทั้งการเลี้ยงหอย การจับปลา การจับกุ้ง เคย (ใช้ทำกะปิคลองโคน หนึ่งในสุดยอดสินค้า OTOP ของที่นี่)
จุดเด่น มาที่นี่กล้าพูดได้ว่าไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้ ปากอ่าวที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยสัตว์น้ำชายฝั่งมากที่สุด แห่งหนึ่งของประเทศไทย นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัส และเข้าถึงกลิ่นอายธรรมชาติ ที่บริสุทธิ์กับการใช้ชีวิตที่แสนเรียบง่าย พร้อมกับได้สนุก และประทับใจไปกับกิจกรรมมากมาย ทั้งการหาปลา หาหอยมาเป็นอาหารมื้ออร่อยด้วยตัวของท่านเอง ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเสียเงิน และการต้อนรับที่เป็นกันเอง สบาย ๆ ในสไตล์คนชนบท ไม่ต้องมีพิธีรีตองที่วุ่นวาย
เหตุผลดีๆ ที่ควรนอนที่พักแบบโฮมสเตย์
1.ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตของคนในท้องถิ่นนั้น
จุดเด่นข้อแรกของการไปเที่ยวแบบโฮมสเตย์ก็คือคุณจะได้เรียนรู้การใช้ชีวิตของคนในท้องถิ่นนั้นอย่างครบถ้วน ไล่ตั้งแต่อาหารการกิน การเข้าห้องน้ำ การนอนหลับ บางแห่งหากว่าโฮมสเตย์ที่เราไปพักเขานอนมุ้งกัน เราก็ต้องนอนบ้าง เขากินน้ำพริกปลาร้ากัน เราก็ต้องกิน ซึ่งแน่นอนว่าหากเราไปพักที่โรงแรมเราจะไม่ได้ประสบการณ์แบบนี้แน่นอนเลย จริงไหมคะ บ้านจัดสรร
2.ได้เรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพของคนในท้องถิ่น
สำหรับข้อดีอีกประการของการไปพักที่โฮมสเตย์ก็คือ คุณสามารถได้เรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพของคนในท้องถิ่นได้แบบง่ายๆ เลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น หากคุณไปพักโฮมสเตย์ที่แถวนั้นเขาทำนา คุณก็จะได้ลองทำนาด้วย คิดดูสิคะ การทำนาในยุค 2018 กับคนที่ไม่เคยเป็นชาวนามาก่อนเลยจะสนุกแค่ไหน ว่าไหมคะ หรือบางทีเป็นโฮมสเตย์ที่มีให้ลองเก็บหอยแครง เราก็ลองไปเก็บหอยแครงดู ได้กินหอยแครงสดๆ อ้วนๆ สวรรค์อยู่แค่เอื้อมเลย
3.สนใจเรียนรู้เรื่องใดก็สามารถไปพักที่โฮมสเตย์นั้นได้เลย
ปัจจุบันโฮมสเตย์ ในประเทศไทยมีทั่วทั้งประเทศ เราสนใจจะไปเรียนรู้เรื่องใดก็สามารถไปได้แบบง่ายดายเลยเชียวค่ะ เหมาะสมกับคนที่ชื่นชอบการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ยกตัวอย่างเช่นหากสนใจอยากไปเรียนรู้การทำน้ำตาลมะพร้าวก็ลองไปพักที่โฮมสเตย์แถวๆ อัมพวา หรือหากว่าสนใจการถีบกระดานเก็บหอยแครง พักริมทะเลเลน ก็เลือกไปพักที่ตำบลบางตะบูน อำเภอบ้านแหลมก็ได้นะคะ เรียกได้ว่าโดดเด่น และเป็นแหล่งการเรียนรู้ในราคาที่ไม่แพงเลย
4.เหมือนได้ครอบครัวใหม่
เพราะว่าการเข้าพักที่โรงแรมเป็นการพักแบบส่วนตัวนั่นเอง ทำให้บางทีคุณอาจจะไม่ได้เจอกับสิ่งที่ดีที่เราเรียกกันว่า “มิตรภาพ” ก็ได้ค่ะ แตกต่างจากการไปพักที่โฮมสเตย์ ซึ่งเราจะพักรวมกันกับคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณหลาน ได้กินข้าวร่วมกันทุกมื้อ ทำให้เกิดความประทับใจและผูกพันจนเรียกว่าได้ครอบครัวใหม่เลยก็ว่าได้