ไม้ประดับในร่ม

ไม้ประดับในร่ม
ไม้ประดับในร่ม

ไม้ประดับในร่ม

ไม้ประดับในร่ม การปลูกต้นไม้หรือนำต้นไม้มาวางประดับใน บ้าน เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยสร้างความสดชื่นและผ่อนคลายให้กับคนในบ้าน แต่ทั้งนี้การปลูกต้นไม้ในบ้านก็มีข้อจำกัด เนื่องจากว่าโดยทั่วไปแล้วต้นไม้จะต้องการแสงแดดในการเจริญเติบโต แต่ยังมีต้นไม้อีกบางชนิดที่ต้องการแสงน้อยหรือถ้าไม่มีแสงแดดเลยก็อยู่ได้ เหมาะกับการปลูกประดับในบ้านช่วงฤดูฝนเป็นอย่างยิ่ง 

ในปัจจุบันนั้นเริ่มนิยมปลูกต้นไม้ในคอนโด ในห้องและในบ้าน HOME IN PHUKET มากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ในร้านค้าหรือในคาเฟก็มีต้นไม้หลายชนิดอยู่ครับโดยมากต้นไม้ที่เรานิยมนำมาปลูกนั้นก็มีทั้งต้นไม้ที่เป็นกระแสและกำลังได้รับความนิยม อย่างเช่น ไทรใบสัก ยางอินเดีย มอนสเตอร่า ซึ่งถือเป็น ต้นไม้ในร่ม ที่ไม่ต้องการแดดจัดและสามารถดูแลภายในอาคารได้ ส่วนต้นไม้อีกประเภทที่กำลังเป็นที่นิยมนำมาปลูกกันก็คือไม้มงคลต่าง ๆ ไม่ว่าจะปลูกตามวันเกิด ตามเดือนหรือราศีเกิดก็ได้ เพราะมีความเชื่อว่าเมื่อปลูกแล้วจะเป็นมงคล ช่วยส่งเสริมให้ผู้ปลูกมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ครับ โครงการภูวิลล่า ภูเก็ต

วิธีดูแลต้นไม้ในร่ม ให้สวยทน

ถึงแม้ว่าจะปลูกต้นไม้เพราะเหตุอะไรแต่สิ่งที่คนปลูกต้นไม้จะต้องทำเหมือนกัน นั่นก็คือการหมั่นดูแลและบำรุงต้นไม้ของเราให้แข็งแรง เพื่อยืดอายุต้นไม้ให้อยู่กับเราไปนาน ๆ และเพื่อบำรุงให้ต้นไม้ของเรายังแข็งแรงไม่เป็นโรค ยังคงใบเขียวและมีลำต้นที่สดใสอยู่เสมอ นั่นจึงจะถือว่าเป็นเรื่องสำเร็จของคนปลูกต้นไม้ครับแต่จะ ดูแลต้นไม้ในร่ม ให้แข็งแรงได้อย่างไรนั้น ตามเรามาหาคำตอบด้วยกันครับ

  • 1. เลือกพันธุ์ไม้ให้ถูกกับสถานที่ อย่างแรกของการจะปลูกต้นไม้ให้แข็งแรงก็ต้องดูที่พันธุ์ไม้และสถานที่ที่เราจะปลูกด้วยครับหากเราตั้งใจจะปลูกต้นไม้ในห้อง แน่นอนว่าเรื่องแสงแดดอาจจะไม่มากเท่ากับการปลูกต้นไม้กลางแจ้ง พันธุ์ไม้ที่จะนำมาปลูกจึงควรจะสอดคล้องกับสถานที่ปลูกด้วย เราควรเลือกเป็นไม้ที่อยู่ในร่มได้ ไม่ต้องการแสงแดดจัด บ้านเดี่ยว นิสัยของไม้ประเภทนี้จะอยู่ได้ดีในที่ที่มีแสงน้อย เช่น ในห้องนอน ในห้องคอนโดและในร้านคาเฟต่าง ๆ ครับ
  • 2. ตรวจสอบต้นไม้ก่อนนำเข้าห้อง จริง ๆ แล้วหากเป็นไปได้ก็ควรตรวจสอบตั้งแต่ก่อนจะซื้อเลยครับ โดยเราควรเลือกต้นที่แข็งแรง ไม่มีรอยแผลและรอยโรค หากต้นไม้มีแผลก็ควรเป็นแผลที่แห้งแล้วและดูให้มั่นใจว่าไม่มีผลต่อการเจริญเติบโตของไม้ บริเวณซอกหรือกาบของใบไม่มีแมลงและเชื้อรา ซึ่งนอกจากจะตรวจสอบที่ต้นไม้แล้วก็ควรตรวจสอบไปถึงดินปลูกด้วย ว่ามีแมลงหรือมีเชื้อราหรือไม่ครับ เพราะหากมีแมลงและเชื้อราก็อาจจะส่งผลต่อสุขภาพของต้นไม้ได้ รวมถึงส่งผลกับสุขภาพของผุ้ปลูกได้ด้วย หากนำไม้ที่มีปัญหาเข้ามาในห้องครับ
  • 3. อย่ารดน้ำมากเกิน ต้นไม้ในร่มนั้นส่วนมากมักจะไม่ชอบอยู่ในที่ชื้นแฉะครับ นั่นหมายความว่าผู้ปลูกนั้นไม่จำเป็นต้องรดน้ำมาก เนื่องจากจะทำให้รากเน่าได้ รวมถึงยังทำให้เกิดเชื้อราได้ด้วย การรดน้ำต้นไม้ในร่มนั้นควรดูให้หน้าดินแห้งเสียก่อนแล้วค่อยรดน้ำ และควรใช้จานรองกระถาง เพื่อให้น้ำส่วนเกินได้ไหลลงไปในจานรองครับ ทำให้รากของต้นไม้นั้นไม่แช่อยู่ในดินที่ชื้นแฉะนานเกินไป นอกจากนี้ผู้ปลูกควรหมั่นเทน้ำออกจากจานรองกระถางด้วยอย่าให้มีน้ำขังครับ
  • 4. นำต้นไม้ออกมาโดนแดดบ้าง ถึงแม้ว่าจะเป็นต้นไม้ในร่มแต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ต้องการแดดครับ เราควรนำต้นไม้ออกมาให้โดนแดดบ้าง โดยควรเริ่มจากการให้ต้นไม้โดนแดดอ่อน ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ใบไหม้ แต่หากเป็นต้นไม้ที่ปลูกริมหน้าต่างและมีแดดส่องถึงอยู่แล้ว ให้เราหมั่นหมุนกระถางต้นไม้ เพื่อให้ต้นไม้รับแดดทั่วถึงทั้งต้น บ้านหรู ทำให้ต้นไม้ยังคงมีทรงต้นที่สวย ไม่เอียงไปทางใดทางหนึ่งครับ
  • 5. บำรุงต้นไม้ด้วยสารอาหารที่จำเป็น เมื่อเราปลูกต้นไม้ไปนาน ๆ สารอาหารที่อยู่ในดินก็อาจจะค่อย ๆ หมดไป ทำให้ต้นไม้ของเราขาดสารอาหารและเกิดปัญหาขึ้นได้ครับ เช่น ต้นเหี่ยวเฉา ใบเหลือง ใบร่วง หากเกิดปัญหาแบบนี้ให้ลองหาปุ๋ยมาบำรุงต้นไม้ดูค่ะ โดยปุ๋ยที่เราเลือกใช้นั้นก็ตามแต่ผู้ปลูกจะสะดวก อาจจะเลือกเป็นปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์อัดเม็ดก็ได้ครับ เพราะใช้ง่าย สะดวกและสะอาด หรือจะเลือกเป็นแบบปุ๋ยละลายช้าก็ได้ ก็สามารถช่วยบำรุงต้นไม้ได้เหมือนกันครับ
ไม้ประดับในร่ม

แนะนำ 5 ไม่ประดับในร่ม

1. กล้วยไม้
ลักษณะทั่วไป

กล้วยไม้เป็นพืชดอกที่มีสายหลากหลายสายพันธุ์ มีมากกว่า 800 สกุล และอีกกว่า 2 หมื่นชนิด ซึ่งแต่ละชนิดและสายพันธุ์ก็มีความแตกต่างทั้งสีสัน ลวดลาย กลิ่น รูปทรง และขนาดต้นรวมทั้งดอก อีกทั้งกล้วยไม้ยังเป็นพืชที่นิยมปลูกกันอย่างแพร่หลายไปทั่วโลกเลยทีเดียว ซึ่งกล้วยไม้ที่นิยมปลูกในประเทศไทยคือ กล้วยไม้แคทลียา ซึ่งมีดอกใหญ่ สีสันสวยงาม และมีกลิ่นหอม จนถูกยกให้เป็น ราชินีแห่งกล้วยไม้ โดยดอกกล้วยไม้จะมีกลีบดอกประมาณ 6 กลีบ แบ่งออกเป็น 2 ชั้น และมีเกสรอยู่ภายใน ส่วนสีสันและรูปร่างก็อาจต่างกันไปตามสายพันธุ์ อีกทั้งยังปลูกในร่มได้อีกด้วย
วิธีการปลูกและดูแลรักษา

การปลูกต้นกล้วยไม้มักจะปลูกตามชนิดของกล้วยไม้ แต่ส่วนมากจะปลูกในกระถางแบบแขวน ที่มีให้เลือกปลูกตามแต่ความเหมาะสม ตั้งแต่กระถางดินเผาทรงเตี้ย, กระถางดินเผาทรงสูง, กระเช้าไม้สัก, กระเช้าพลาสติก, กระถางดินเผามีรูก้นกระถาง, ท่อนไม้ที่มีเปลือก หรือจะปลูกติดกับต้นไม้ใหญ่ไปเลยก็ได้ ส่วนการรดน้ำและการดูแล ควรรดน้ำวันละ 1 ครั้ง โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการรดน้ำกล้วยไม้คือช่วงเช้า ตั้งแต่ 06.00-09.00 น. เพราะเป็นช่วงที่รากกล้วยไม้สามารถดูดซึมน้ำได้ดีที่สุด ซึ่งคุณสามารถปลูกกล้วยไม้ในร่มได้ แต่ถ้าอยากให้ได้รับสารอาหารไวขึ้น ให้วางในจุดที่แดดส่องถึงรำไร หรือนำออกไปรับแสงอ่อน ๆ บ้างก็ยิ่งดี

2. เฟิร์นบอสตัน
ลักษณะทั่วไป
เฟิร์นบอสตันเป็นพืชตระกูลเฟิร์นชนิดหนึ่ง มีใบเขียวชะอุ่มคล้ายใบมะขาม ปลายใบไม่มีแฉก เป็นพืชที่ชอบความชื้น สามารถปลูกในร่มได้สบาย ๆ นอกจากนี้เฟิร์นบอสตันยังมีคุณสมบัติช่วยดูดสารพิษ และฟอกอากาศภายใน บ้าน ได้อีกด้วย จึงเป็นอีกหนึ่งต้นไม้ในร่มยอดนิยมที่มักจะปลูกไว้ในบ้าน บ้านเดี่ยวหรือในอาคาร เพื่อเป็นไม้ประดับสวย ๆ
วิธีการปลูกและดูแลรักษา

คุณสามารถปลูกเฟิร์นในที่ร่มได้สบาย ๆ แต่ควรรดน้ำให้เฟิร์นชุ่มพอดี อย่าปล่อยให้แฉะน้ำ เพราะเฟิร์นอาจเฉาตายได้ และถ้าขาดน้ำเมื่อไหร่ใบก็จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและร่วงอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าจะให้ดีก็ควรให้เฟิร์นได้รับแสงแดดบ้างเป็นบางครั้ง เพื่อป้องกันปัญหาใบเหลืองเฉา ส่วนการให้ปุ๋ยควรให้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักแบบละลายน้ำ โดยฉีดพ่นเป็นละอองเบา ๆ และให้ปุ๋ยเพียงเดือนละครั้งก็พอครับ

3. เดหลี
ลักษณะทั่วไป

เดหลีเป็นไม้ในร่มที่ฮิตไม่น้อย เพราะมีใบสีเขียวเข้มมันวาว แถมยังให้ดอกสีขาวแกมเหลืองสวยงามคล้ายดอกหน้าวัว ลำต้นมีความสูงประมาณ 30-60 เซนติเมตร นิยมปลูกในบ้าน HOME IN PHUKET เพราะเป็นพืชที่ดูดสารพิษจำพวกแอลกอฮอล์ อาซีโตน ไตรคลอไรเอทีรีน เบนซีน และฟอร์มาลดีไฮด์ รวมทั้งช่วยฟอกอากาศได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งดอกเดหลีสามารถออกดอกได้ในอาคารแม้จะเจอเพียงแค่แสงจากหลอดไฟนีออนเท่านั้น
วิธีการปลูกและดูแลรักษา

ส่วนใหญ่เราจะปลูกเดหลีในกระถาง โดยใช้ดินร่วนผสมปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก และทรายหยาบผสมในอัตราส่วนเท่า ๆ กัน สำหรับการรดน้ำควรหมั่นรดน้ำให้ดินชุ่มอยู่เสมอ และบำรุงด้วยปุ๋ยคอกละลายน้ำ เดือนละ 1-2 ครั้ง นอกจากนี้ควรหมั่นทำความสะอาดใบไม้เป็นประจำ ด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดใบ เพื่อป้องกันแมลงกัดใบด้วยครับ

4. เศรษฐีเรือนในลักษณะทั่วไป

เศรษฐีเรือนในเป็นไม้กอขนาดเล็ก ลักษณะใบเป็นใบเล็กเรียวสีเขียวอ่อน ๆ ตลอดใบ ตรงกลางใบไม้เป็นแถบสีขาวยาวตลอดทั้งใบเช่นกัน ความยาวของใบมีขนาดประมาณ 15-30 เซนติเมตร นิยมปลูกภายในอาคารเพราะเป็นพืชที่มีความสามารถในการดูดสารพิษ และฟอกอากาศได้ นอกจากนี้ต่างชาติยังเรียกว่า ต้นแมงมุม (Spider Plant) หรือ ต้นเครื่องบิน (Airplane Plant) เนื่องจากต้นจะแกว่งไป-มาเวลาที่ถูกลมพัด รวมทั้งยังเป็นต้นไม้มงคลที่ปลูกแล้วเชื่อว่าจะทำให้ร่ำรวยเหมือนชื่อต้นอีกด้วย
วิธีการปลูกและดูแลรักษา

เศรษฐีเรือนในเป็นพืชที่ชอบดินร่วนซุยที่ระบายน้ำได้ดี นิยมปลูกในกระถางขนาดเล็กแบบแขวน สามารถปลูกได้ในที่ร่ม แต่ควรให้แดดส่องถึงพอประมาณ รวมทั้งควรรดน้ำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หรือสังเกตหน้าดินว่าแห้งหรือไม่ก็พอ เนื่องจากต้นเศรษฐีเรือนในไม่ค่อยชอบแดดและน้ำมากนัก อีกทั้งยังสามารถขยายพันธุ์ได้ง่ายมากด้วยการตัดไปปลูกใหม่ บ้านเดี่ยว

5. หมากเหลืองลักษณะทั่วไป

จัดว่าเป็นพืชที่นิยมปลูกภายในอาคารอีกชนิดหนึ่ง ด้วยความที่มีขนาดลำต้นไม่สูงมากนัก ประมาณ 5-10 เมตร และเป็นพืชตระกูลปาล์มที่ดูแลง่าย มีความทนทาน จึงสามารถปลูกในร่มได้ ลักษณะของใบออกสีเขียวแซมเหลืองปลาย ๆ ใบมีความอ่อนพลิ้วคล้ายขนนก ดูอ่อนช้อยสวยงาม นอกจากนี้หมากเหลืองยังเป็นพืชที่คายน้ำมาก ขนาดต้นประมาณเกือบ 2 เมตร สามารถคายน้ำได้มากถึง 1 ลิตรในเวลาแค่ 1 ชั่วโมง อีกทั้งยังสามารถดูดสารพิษ และฟอกอากาศภายในห้องได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
วิธีการปลูกและดูแลรักษา

เนื่องจากต้นหมากเหลืองเป็นพืชที่ดูแลง่าย จึงรดน้ำในช่วงเช้าเพียงวันละ  1 ครั้งก็พอ และพยายามอย่ารดน้ำจนดินแฉะมากเกินไปด้วย เพราะรากและใบอาจเน่าตายได้ ส่วนปุ๋ยควรให้ปุ๋ยคอกเดือนละครั้ง รวมทั้งหมั่นฉีดละอองน้ำทำความสะอาดใบบ่อย ๆ เพื่อป้องกันปัญหาแมลงกัดกินใบ ทั้งนี้ควรวางกระถางต้นหมากเหลืองไว้ตรงบริเวณที่แสงแดดส่องถึง หรือยกไปตากแดดบ้างเป็นบางครั้ง เพื่อให้ต้นไม้ได้คายน้ำ และสังเคราะห์แสงด้วย Phuket Villas

อ่านเพิ่มเติม ไม้กระถาง