บ้านญี่ปุ่นโมเดิร์นประยุกต์ อบอวลกลิ่นอายดั้งเดิม
บ้านญี่ปุ่นโมเดิร์นประยุกต์ ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่น่ารักและมีเอกลักษณ์โดดเด่นในหลายๆอย่าง ทั้งในเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว อาหารการกิน เครื่องสำอาง ของใช้ต่างๆ เป็นประเทศที่คนไทยชอบไปมากอันดับต้นๆ แต่ที่โดดเด่นและสวยงามอีกอย่างหนึ่ง คือ พวกสถาปัตยกรรมอย่างบ้านเรือน ร้านค้า ที่มีความสวยงามบวกความคิดสร้างสรรค์จนมาเป็นแบบบ้านต่างๆที่เราพบเห็นในประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งในแต่ละพื้นที่ อย่างทำเลในเมืองหรือชนบทก็จะดีไซน์ที่แตกต่างกันไป แต่สภาพภูมิประเทศของญี่ปุ่นเป็นเกาะ และมีขนาดไม่ใหญ่ พื้นที่ใช้สอยมีจำกัด การสร้างบ้านสักหลังจึงต้องคำนึงถึงรูปแบบและเน้นใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
บ้านของชาวญี่ปุ่นในสมัยก่อน จะถูกสร้างด้วยวัสดุที่เป็นไม้และกระดาษเกือบทั้งหลัง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกับประเทศอื่นๆ แบ่งได้เป็นสองชนิดใหญ่ ๆ คือเป็นบ้านสำหรับชาวเกษตร และบ้านสำหรับชาวเมือง บ้านของชาวเกษตรมีหลังคาเป็นหญ้า(ฟางข้าวหรือฟางพืช Kaya) ถ้าคุณไปต่างจังหวัดก็คงยังพบเห็นอยู่นะคะ บ้านของชาวเมือง(รวมถึงเจ้าเมืองสมัยนั้น) มีหลังคาเป็นกระเบื้อง
ปัจจุบันนี้ บ้านญี่ปุ่น ที่สร้างใหม่ก็จะมีแต่หลังคากระเบื้องแล้ว และในเมืองใหญ่ๆ ก็จะมีพวกอพาร์ทเมนท์ และคอนโดมิเนียมที่ใช้ปูนซิเมนต์และเหล็กเป็นวัสดุก่อสร้างเยอะเหมือนกัน แต่ถ้าได้เข้าไปดูภายในบ้านแล้ว จะสังเกตุได้ว่า โครงสร้างภายในของบ้าน และการตกแต่ง หลายๆอย่างยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของชนชาติและวัฒนธรรมของญี่ปุ่นดั้งเดิมเกือบทุกบ้าน
สเน่ห์ของบ้านสไตล์ญี่ปุ่นคือการสร้างบ้านให้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ รอบๆบ้านจะต้องมีต้นไม้ สวนดอกไม้ พืชผักสวนครัว ก้อนหิน น้ำตก หรือธารน้ำ เป็นต้น เอกลักษณ์ของการดีไซน์บ้านแบบชาวญี่ปุ่นคือ การใช้ไม้ระแนงซีกเล็กๆเรียงกันเป็นแผง ใช้ตกแต่งส่วนต่างๆของตัวบ้าน บ้านเดี่ยว บ้านแฝด
บ้านแบบญี่ปุ่นต้องมีพื้นยกสูงประมาณ 30~60cm แต่จะไม่สูงเท่ากับบ้านแบบไทยพื้นยกที่ต้องขึ้นบันได สำหรับการยกพื้นของบ้านญี่ปุ่นนี้ ช่องว่างใต้พื้น (En-noshita) ของบ้านมีหน้าที่ระบายความชื้นเพราะว่าภูมิอากาศของประเทศญี่ปุ่นมีความชื้นมาก ซึ่งจุดนี้ค่อนข้างจะคล้ายๆกับหลักของการสร้างบ้านในไทยเหมือนกัน
โมเดิร์นเจแปน เป็นการออกแบบบ้านสไตล์โมเดิร์น ในแบบของชาวญี่ปุ่น ตัวบ้านจะเน้นเป็นรูปทรงเหลี่ยมๆ แต่การตกแต่งยังคงแฝงไปด้วยเอกลักษณ์แบบดั้งเดิม เช่น ไม้ระแนง ที่ทำขึ้นมาแทนเสื่อแขวน ใช้สำหรับบังแสงตรงช่องหน้าต่างหรือประตูในสมัยก่อน
แบบบ้านญี่ปุ่นยุคใหม่ สไตล์โมเดิร์นประยุกต์
เจ้าของบ้านนี้มีที่ดินผืนหนึ่งในเขตราคุโฮคุของเมืองเกียวโต ซึ่งอาศัยอยู่จากรุ่นสู่รุ่นตั้งแต่สมัยเอโดะตอนปลาย สมาชิกในครอบครัวแต่ละคนสร้างบ้านและที่ทำงานบนที่ดินนี้ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ก็มีทั้งผู้คนจากที่อื่น ๆ รวมถึงสิ่งก่อสร้างใหม่ ๆ เริ่มเข้ามาและไปตามความจำเป็น ทำให้ความรู้สึกรอบ ๆ บ้านเปลี่ยนไป ในแง่ของการมองเรื่อง “บ้าน”
เจ้าของเห็นว่าเป็นสิ่งก่อสร้างชั่วคราวก็จริงและที่ดินเป็นแบบถาวร แต่เมื่อบ้านรวมกับผืนดินกลับรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันที่ยังผูกพันอยู่ในความทรงจำ พวกเขาจึงสร้างบ้านเดี่ยวหลังใหม่ ออกมาเป็นบ้านญี่ปุ่นทันสมัยที่ยังอบอวลกลิ่นอายดั้งเดิมจากรุ่นสู่รุ่น
instudio ได้เริ่มตีโจทย์บ้านโดยพิจารณารูปแบบที่อยู่อาศัยใหม่ ประกอบกับการย้อนเวลากลับไปอีกเล็กน้อยกว่ายุคสมัยใหม่เล็กน้อย ว่าลักษณะสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นเป็นอย่างไร จากนั้นจึงนำมาลดทอนรายละเอียด ใส่ฟังก์ชันใหม่ ๆ ลงไปบ้าง เพื่อให้เหมาะสมกับบริบทชุมชนเมืองและการอยู่อาศัยมากขึ้น โดยผลลัพธ์เป็นบ้านสองชั้น POOL VILLA
ภายนอกเป็นบ้านหลังคาทรงจั่วที่มีชายคายาวและมุงกระเบื้อง เป็นลอยหยักคล้ายกระเบื้องโบราณ มีผนังไม้และรูปทรงคล้ายบ้านดั้งเดิมของเกียวโต และในขณะเดียวกันสถาปนิกก็พยายามทำตัวให้ห่างจากบรรยากาศที่ปิดกั้นแบบบ้านสมัยใหม่ ด้วยการแทรกหน้าต่างกระจกเข้าไปเพิ่มความรู้สึกเปิดมากขึ้น
บ้านหลังคาทรงจั่วที่มีชายคายาวและมุงกระเบื้อง
แต่ในขณะที่ต้องการเปิดบานรับแสงสว่าง เจ้าของก็ยังต้องการความเป็นส่วนตัว และสเปซว่าง ๆ ซึ่งเหมือนจะเป็นความต้องการที่ตรงกันข้าม จึงโจทย์ที่ต้องตีให้แตก ซึ่งทีมงานแก้ปัญหาด้วยการทำระบบผนัง 2 ชั้นที่ด้านหน้าของบ้าน ชั้นนอกเป็นฉากไม้ที่เราเห็นเป็นจังหวะ มีความพิเศษคือบานไม้นี้วางอยู่บนรางเลื่อนสามารถเลื่อนไปตรงจุดที่ต้องการพรางแสงหรือบังสายตาได้
ถัดจากฉากไม้จะเป็นที่ว่างใช้เป็นทางเดินหรือนั่งเล่น ก่อนไปสู่ผนังชั้นที่ 2 เป็นประตูบานเลื่อนทำจากกระจกใสตลอดแนว ประตูหน้าต่างที่มีขนาดเหมาะสมในแนวที่ถูกต้อง ทำให้ภายในโปร่งและมีแสงสว่างเพียงพอ และยังมีพื้นที่โล่งโปร่งพร้อมความเป็นส่วนตัวได้ครบทุกความต้องการ
ด้านหลังบ้านจะไม่มีบานไม้ปิดกั้น เพราะเป็นส่วนที่แน่ใจว่าไม่มีสายตาผู้คนผ่านไปมา เราจะเห็นลักษณะการสร้างบ้านที่พื้นและเฉลียงทางเดินทั้งหมดลอยอยู่เหนือพื้นดิน ซึ่งเป็นหนึ่งลักษณะที่จะพบได้ในบ้านแบบดั้งเดิม คล้ายบ้านมีใต้ถุนของไทย แต่บ้านญี่ปุ่นพื้นจะสูงแค่ประมาณ 50 ซม. ไม่สูงมาก ช่องว่างใต้พื้น (En-noshita)
จะช่วยระบายอากาศ ลดความชื้นใต้บ้านที่จะทำให้พื้นปูเสื่อทาทามิเป็นราได้ง่าย ทางเดินรอบบ้านที่ยกสูงลอยจากพื้นนี้จะมีจุดเชื่อมต่ออยู่กับห้องโถงขนาดใหญ่ หรือ ส่วนของห้องนั่งเล่น ทำให้ห้องสำคัญๆ ภายในบ้านมีพื้นที่ด้านนอกออกที่เชื่อมต่อออกมารับลมและแสงธรรมชาติได้ PHUKET VILLA
ห้องนั่งเล่นที่จะปูเสื่อทาทามิ
ในบ้านโบราณจะมีส่วนห้องที่มีพื้นดินเปล่า (Doma) ใช้เป็นห้องครัว เตาไฟ หรือทำอาหาร (แต่พบเห็นได้ยากแล้วเพราะจะอยู่ตามชนบท) และส่วนที่ยกพื้นขึ้นเป็นไม้ และห้องนั่งเล่นที่จะปูเสื่อทาทามิ บ้านนี้มีการใส่ระดับของบ้านเช่นกัน ในส่วนของครัวจะต่ำลงพื้นเป็นคอนกรีตนำเสนอแทนพื้นดิน ส่วนพื้นที่นั่งเล่นจะสูงกว่าและปูด้วยไม้ ทั้งสองส่วนต่อเนื่องเป็นห้องโถงใหญ่แบบแปลนบ้านยุคใหม่ (open plan) เป็นการปรับประยุกต์ใช้สิ่งเก่าและใหม่ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัวและใช้งานได้จริง
แน่นอนว่าบ้านในญี่ปุ่นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือความเรียบง่ายและความชิดใกล้ธรรมชาติ ที่นี่นอกจากจะมีผนังกระจกที่เปิดมุมมองออกรับธรรมชาติรอบบ้านที่จัดไว้ให้มองได้ทุกวัน ทุกฤดูกาลแล้ว ยังมีต้นไม้ปลูกแทรกอยู่ในตัวบ้านกระจายอยู่ทุกมุมด้วย
บนชั้นสองที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวตกแต่งด้วยไม้อัดบริเวณผนังและเพดานทั้งหมดในรูปแบบบ้านยุคใหม่ที่นิยมความเรียบง่าย และใช้งานไม้สำเร็จรูปแบบอื่นๆ นอกจากไม้จริงประกอบด้วย แต่บ้านก็ยังคงคอนเซ็ปความโล่งกว้าง สามารถใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น ซึ่งจะคล้ายบ้านโบราณที่มีเพียงประตูบานเลื่อนแยกสัดส่วนห้องอย่างหลวมๆ และปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากกลาย เช่น สามารถเปิดประตูรวมเป็นห้องใหญ่ห้องเดียวได้ ตอนกลางวันใช้เป็นห้องนั่งเล่นทานข้าว กลางคืนใช้เป็นห้องนอน
สำหรับคนที่ยังหลงไหลเสน่ห์ของบ้านในยุคสมัยเก่า เมื่อต้องการสร้างบ้านใหม่ก็อาจจะการประยุกต์ใช้บ้านที่ยังประทับใจนั้น ๆ เข้ากับรูปแบบฟังก์ชันและวัสดุใหม่ๆ ได้ โดยคงบางส่วนที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น รูปทรงบ้าน หลังคา ผนัง ฟังก์ชันภายในบางอย่าง แล้วนำมาปรับลดทอนให้ดูเรียบ ง่าย ทันสมัยขึ้น เหมือนบ้านในไทยก็จะมี บ้านทรงไทยประยุตก์ บ้านล้านนาประยุกต์ ที่จะทำให้บ้านมีกลิ่นอายของยุคสมัยที่ยังมีชีวิตต่อไปอย่างงดงามในอนาคต
สูตรลับออกแบบบ้านญี่ปุ่น สไตล์การตกแต่งที่ใคร ๆ ก็หลงรัก
1.ให้ความสำคัญกับธรรมชาติ
เพราะคนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับความเป็นธรรมชาติมาก จึงมักจะนำไม้เข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบและตกแต่งเสมอ ไม่ว่าจะด้านโครงสร้างที่มักจะใช้ไม้ทำพื้น ผนัง ประตู หน้าต่าง หรือด้านการตกแต่งที่มักจะใช้ไม้ทำฉากกั้น เฟอร์นิเจอร์ และของกระจุกกระจิก โดยไม้ที่นิยมนำมาใช้ในบ้านบ่อย ๆ ได้แก่ ไม้ไผ่ ไม้เมเปิ้ล ไม้ฮิโนกิ ไม้เฮมล็อก และไม้สนแดง
ฉะนั้นถ้าหากใครอยากสร้างบรรยากาศบ้านแบบญี่ปุ่นละก็ ห้ามพลาดงานไม้และงานธรรมชาติอย่างเด็ดขาด รวมถึงอย่าลืมตกแต่งด้วยต้นไม้ญี่ปุ่น เช่น ต้นไผ่หรือต้นบอนไซด้วย ทว่าเอาจริง ๆ จะปลูกต้นอะไรในบ้านก็ช่วยสร้างความเป็นธรรมชาติแบบญี่ปุ่นได้ทั้งนั้น เพียงแค่ต้องเน้นต้นไม้ที่เรียบง่ายและมีสีเขียวเป็นหลัก นอกจากนี้บ้านญี่ปุ่นยังนิยมเชื่อมต่อพื้นที่ภายในเข้ากับธรรมชาติภายนอกอีกด้วย ดังนั้นถ้าหากใครมีสวนสดใสรอบบ้าน ก็อย่าลืมทำหน้าต่างขนาดใหญ่ให้มองเห็นได้ชัดด้วยล่ะ
2.เน้นสีแนวเอิร์ธโทน
หลักสำคัญอีกหนึ่งอย่างของการออก แบบบ้านสไตล์ญี่ปุ่น คือ สีแนวเอิร์ธโทน โดยโทนสียอดนิยมของญี่ปุ่นมีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีน้ำตาลที่มาจากไม้ สีเขียวที่มาจากต้นไม้ และสีเทาที่มาจากกระเบื้องหิน ฉะนั้นถ้าหากใครอยากออกแบบและตกแต่งบ้านให้ได้กลิ่นอายแบบญี่ปุ่น พยายามผสมผสานโทนสีเหล่านี้เข้าไว้ด้วยกัน เลือกเฉดสีของเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่แตกต่างกันมากเกินไป แล้วค่อยเน้นลูกเล่นพิเศษจากพื้นผิวของวัสดุ เช่น งานไม้หรืองานสาน เพื่อความไม่น่าเบื่อแทน
3.ตกแต่งน้อยชิ้น แต่มากฟังก์ชั่น
บ้านสไตล์ญี่ปุ่นมักจะมีเฟอร์นิเจอร์ไม่ค่อยเยอะ ต่างจากบ้านของคนไทยส่วนใหญ่ที่มักจะมีข้าวของและเฟอร์นิเจอร์เพียบ ดังนั้นถ้าหากใครจะตกแต่งบ้านสไตล์ญี่ปุ่น ให้คำนึงถึงการใช้งานเอาเป็นหลัก โดยเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชันการใช้งานหลากหลาย ดีไซน์เรียบง่าย ดีเทลไม่เยอะ และใช้วัสดุจากธรรมชาติ ส่วนการจัดวางก็พยายามให้อยู่เป็นกลุ่ม ไม่กระจาย มีที่ว่างสำหรับทางเดิน เช่น จัดเข้ามุมหรือวางชิดผนัง เท่านี้ก็จะช่วยให้บ้านมีความมินิมอลแบบญี่ปุ่นได้ง่าย ๆ แล้ว
4.เปิดช่องให้แสงผ่าน
ไม่ว่าจะหลังเล็กหรือหลังใหญ่ การออกแบบภายในบ้านสไตล์ญี่ปุ่นจะเน้นความโล่ง โปร่ง และสบายเป็นหลัก ซึ่งปัจจัยสำคัญก็มาจากการเปิดบ้านให้แสงธรรมชาติสาดส่องอย่างทั่วถึง โดยวิธีการง่าย ๆ คือ การใช้หน้าต่างขนาดใหญ่รอบบ้าน การเจาะเพดานเพื่อทำสกายไลท์ และการใช้ม่านแบบเรียบง่ายและโปร่งแสง เอาเป็นว่าถ้าหากใครอยากให้บ้านสว่างและสดใสแบบญี่ปุ่น ก็ลองนำไปปรับใช้กันดู
5.เพิ่มสีสันด้วยสติ๊กเกอร์
ถึงแม้ บ้านสไตล์ญี่ปุ่น จะเน้นความเรียบง่าย อบอุ่น แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะถ้าหากโทนสีธรรมชาติไม่ใช่สไตล์ของคุณ ก็สามารถเพิ่มลวดลายและสีสันเข้าไปได้ ด้วยสติ๊กเกอร์ติดผนังแบบญี่ปุ่นหรือ Wall Sticker ซึ่งหาซื้อได้ง่ายตามร้านค้าทั่วไป แถมมีให้เลือกหลากหลายลาย ที่สำคัญเวลาแกะออกไม่ทิ้งคราบตกค้าง ถ้าหากใครอยากเพิ่มความเป็นญี่ปุ่นให้มากขึ้นกว่าเดิม อย่าลืมตกแต่งเข้าคู่กับเฟอร์นิเจอร์ทรงเตี้ย ทั้งโต๊ะ ตู้ และเก้าอี้ เพราะจะช่วยให้ห้องกว้างขวางและน่าอยู่แบบชาวเจแปนนิสนั่นเอง
6.จัดเก็บตู้เสื้อผ้าให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
ถ้าหากสังเกตดี ๆ จะเห็นได้ว่า ตู้เสื้อผ้าของญี่ปุ่นไม่เหมือนกับตู้เสื้อผ้าของไทย โดยตู้เสื้อผ้าญี่ปุ่นเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โอชิ-อิเระ (Oshi-ire) มีลักษณะเป็นตู้สี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มาพร้อมกับประตูบานเลื่อน ส่วนภายในแบ่งออกเป็นสองชั้น บนกับล่าง มีไม้พาร์ติชั่นแข็งกั้นตรงกลางตามแนวนอน ความลึกประมาณฟูกพับครึ่ง ซึ่งทุกวันนี้มักจะมีราวแขวนเสื้อติดมาด้วย
แต่บางครั้งก็เป็นตู้โล่ง ๆ ไม่มีอะไรภายใน เพราะสามารถเลือกซื้ออุปกรณ์เสิรมได้ต่างหากตามต้องการ เนื่องจากคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเน้นพับเสื้อผ้าเก็บใส่กล่อง ตะกร้า ลิ้นชัก เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสวยงามสะอาดตา อีกทั้งยังทำให้มองหาและหยิบใช้ได้ง่ายด้วย ถึงขนาดมีวิธีการจัดตู้เสื้อผ้าแบบญี่ปุ่นโดยเฉพาะเลยล่ะ
7.โต๊ะโคทัตสึและเสื่อทาทามิต้องมี
ใครอยากตกแต่งบ้านให้ได้อารมณ์ญี่ปุ่นง่าย ๆ เพียงแค่หาเสื่อทาทามิ (Tatami) มาปู และโต๊ะโคทัตสึ (Kotatsu) มาตั้ง ก็จะทำให้ห้องทั้งห้องมีบรรยากาศเหมือนแดนปลาดิบแบบชิล ๆ แล้ว เพราะไอเทมทั้งสองถือเป็นเอกลักษณ์สำคัญของบ้านสไตล์ญี่ปุ่น ถ้าหากลองสังเกตตามซีรีส์หรือการ์ตูนแทบทุกเรื่อง จะเห็นว่ามีเสื่อและโต๊ะกลางห้องโถงบ้านตลอด โดยโต๊ะโคทัตสึจะมีลักษณะเป็นโต๊ะไม้เตี้ย ๆ
สไตล์ญี่ปุ่น ที่ปกคลุมไปด้วยผ้าห่มหนา ๆ รอบด้าน แถมยังมีเครื่องทำความร้อนข้างใต้ ซึ่งคนญี่ปุ่นจะชอบมานั่งคลายหนาวกันที่นี่ ส่วนสำหรับคนไทยที่อยากแต่งบ้านด้วยโต๊ะแบบนี้ คงต้องเอาเครื่องทำความร้อนออกซะก่อน ส่วนผ้าห่มจะเอาออกเพื่อให้เข้ากับสภาพอากาศบ้านเราก็ได้ หรือจะเก็บไว้เพื่อสร้างบรรยากาศอบอุ่นก็ดี แถมยังช่วยบรรเทาความหนาวเย็นจากแอร์ได้อีกด้วยนะ