ไอเดียจัดสวนในบ้านง่าย ๆ
ไอเดียจัดสวนในบ้านง่าย ๆ ในวันนี้ น้องตี้ ภูเก็ต วิลล่า ขอนำไอเดียจากหนังสือ everyday with plants ทุกวันมีต้นไม้ และ MINI GARDEN สร้างสรรค์สวนจิ๋วด้วยตัวเอง ของสำนักพิมพ์ บ้าน และสวนเพื่อแนะนำวิธีการจัดสวนให้คนเมืองซึ่งอาจมีพื้นที่จำกัด เริ่มตั้งแต่สวนขนาดย่อมไปจนถึงสวนขนาดจิ๋ว
ไอเดียจัดสวน จากหนังสือ everyday with plants ทุกวันมีต้นไม้ และ MINI GARDEN
ลองไปติดตามกันดูว่ามีสวนรูปแบบไหนที่จะเหมาะกับ จัดสวนใน บ้าน ของคุณ ไอเดียจัดสวนในบ้านจะเป็นยังไงมาดูกันเลย
สวนภายในบ้าน Indoor Garden
หากรู้สึกว่าห้องที่เราอยู่อาศัยดูโล่งและขาดชีวีตชีวา การมีมุมสีเขียวสักมุมก็ช่วยแก้ปัญหาได้ ในเบื้องต้นเราควรหาทำเลที่วางต้นไม้ ซึ่งต้องได้แสงแดดอย่างน้อยครึ่งวัน เพื่อให้ต้นไม้ยังสามารถสังเคราะห์แสงสำหรับสร้างอาหารได้ และไม่ควรอยู่ใกล้เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือเครื่องมือที่ปล่อยความร้อนออกมามากเกินไป หากอยู่ภายในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศควรปรับอุณหภูมิให้อยู่ที่ 25 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นสภาวะที่น่าสบาย ไม่ควรให้อากาศภายในเย็นจนเกินไป เพราะต้นไม้จะปรับตัวลำบากและใบร่วงมาก
ควรศึกษาลักษณะนิสัยต้นไม้ที่เลือกปลูกก่อนว่าปรับตัวได้ในที่ซึ่งมีแสงแดดจำกัดไหม ส่วนมากต้นไม้ที่มีลักษณะใบมันจำพวกไทรและฟิโลเดนดรอนจะทนร่มได้ดี การรดน้ำก็รดปกติในช่วงเช้าและเย็น อาจให้ปุ๋ยละลายช้าเพิ่มเติม เพื่อให้สารอาหารค่อยๆละลายลงดิน
หากเป็นคนไม่ค่อยอยู่บ้านหรือไม่มีเวลาดูแลต้นไม้ การสร้างพื้นที่สีเขียวอาจทดแทนได้ด้วยการสร้างช่องเปิดหรือติดตั้งกระจกแบบโปร่งใสไว้ในบริเวณที่มองออกไปเห็นสวนภายนอก เพื่อช่วยดึงบรรยากาศธรรมชาติเข้ามาสู่ภายในบ้าน อีกทั้งสวนภายนอกบ้านยังดูแลได้ง่ายกว่า เนื่องจากต้นไม้สามารถแตกรากหาอาหารเองได้ และมีแสงแดดเพียงพอ นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งระบบให้น้ำอัตโนมัติหรือสปริงเกลอร์ได้อีกด้วย
ไม้กระถาง Potted Plants home
การนำไม้กระถางมาตั้งในมุมใดมุมหนึ่งของ บ้าน ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับผู้ต้องการมีพื้นที่สีเขียวภายในบ้าน กระถางต้นไม้ที่ขายอยู่ในท้องตลาดมีรูปแบบและขนาดให้เลือกอย่างหลากหลาย เจ้าของบ้านสามารถเลือกสรรได้ตามความชอบหรือเข้ากับรูปแบบการตกแต่งภายใน
สำหรับต้นไม้ที่ชื่นชอบแสงแดดทั่วไปสามารถย้ายออกไปตั้งรับแสงแดดข้างนอกได้ทุก 2-3 วัน ตามลักษณะนิสัยของต้นไม้ หากนำมาวางประดับภายใน บ้าน ควรหาถาดมารองก้นกระถางเพื่อป้องกันน้ำล้นแฉะบริเวณพื้นบ้านเป็นคราบสกปรก และควรโรยถ่านที่โคนต้นเพื่อช่วยดูดกลิ่นไม่พึงประสงค์ของปุ๋ยหรือดินปลูก รวมถึงหมั่นทำความสะอาดใบเพื่อกำจัดคราบฝุ่นหรือสิ่งสกปรกที่เกาะบริเวณผิวใบ ทำให้ใบดูมันวาวสวยงามอยู่เสมอ สำหรับผู้ที่มีพื้นที่จำกัดสามารถประยุกต์รูปแบบสวนกระถางเป็นสวนแนวตั้งได้ ปัจจุบันมีแผงกระบะสวนแนวตั้งวางขายในท้องตลาดหรืออาจทำด้วยตัวเองก็ได้
การจัดต้นไม้ในกระถางอีกลักษณะหนึ่งก็คือการนำพรรณไม้หลากหลายชนิดที่มีรูปทรงต่างกันมาปลูกรวมกันคล้ายการจัดดอกไม้ในแจกัน เรียกว่า Container Combinations โดยพรรณไม้ที่จัดอยู่ด้วยกันควรมีลักษณะนิสัยคล้ายกัน เช่น ชอบแสงแดดจัดหรือชอบแสงแดดรำไรเหมือนกัน ซึ่งจะช่วยให้ผู้จัดใส่จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ในการจัดได้มากยิ่งขึ้น อาจนำไปจัดวางคู่กับไม้กระถางต้นอื่นๆหรือวางเป็นจุดเด่นในมุมต่างๆ รวมถึงนำไปประยุกต์ใช้กับกระบะต้นไม้ริมหน้าต่างหรือทางเดินด้วยก็ได้ การดูแลโดยทั่วไปก็คล้ายกับไม้กระถางปกติที่ต้องรดน้ำอย่างสม่ำเสมอและตัดแต่งต้นไม้ให้มีรูปทรงตามต้องการ ไม่ขึ้นเบียดเสียดกันจนเกินไป
ต้นไม้จิ๋ว Tiny Plants
จากศิลปะบอนไซหรือการตัดแต่งพรรณไม้ประเภทหนึ่งจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการนำธรรมชาติมาย่อส่วนลงในภาชนะที่คนสามารถดูแลตัดแต่งได้ง่าย โดยเลือกใช้ไม้ยืนต้นที่เพาะมาจากต้นกล้า จากนั้นนำมาปลูกลงในภาชนะขนาดเล็กและตัดแต่งให้ต้นไม้ที่เริ่มเจริญเติบโตมีขนาดเล็กและรูปทรงเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่ถูกย่อส่วนลง นิยมนำไปวางบนแท่นในระดับสายตาเพื่อโชว์ให้เจ้าของ บ้าน หรือผู้ชมสวนสามารถมองเห็นได้ง่าย ซึ่งพบได้ทั้งในสวนสไตล์ญี่ปุ่น จีน และไทย
จากบอนไซนำไปสู่การปลูกต้นไม้จิ๋วหรือบอนไซจิ๋ว โดยนิยมใช้ขนาดความสูงตั้งแต่ 3-10 เซนติเมตร มีตั้งแต่ไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม ไปจนถึงไม้คลุมดิน แต่ไม่นิยมปลูกไม้ล้มลุก ต้นไม้ที่เลือกใช้มักมีใบขนาดเล็กละเอียดรูปทรงลำต้นและกิ่งก้านสวย โดยส่วนมากใช้วิธีเพาะโดยเมล็ดและปักชำ นำไปปลูกในวัสดุปลูกที่ระบายน้ำได้ง่ายอย่างทรายผสมขุยมะพร้าว สิ่งสำคัญคือภาชนะที่ปลูกควรมีความสวยงามโดดเด่น เพื่อช่วยส่งเสริมให้ต้นไม้จิ๋วดูโดดเด่นขึ้นได้ โดยอาจหยิบวัสดุเหลือใช้ที่ บ้าน อย่างแก้วหรือขวดที่มีรูปทรงแปลกตามาเจาะรูที่ก้นก็ได้ เมื่อปลูกแล้วควรหมั่นตัดแต่งและรดน้ำ รวมถึงนำไปวางในตำแหน่งที่ได้รับแสงแดดอย่างสม่ำเสมอด้วย
เทอร์ราเรียม Terrarium
ย้อนไปในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 วงการพฤกษศาสตร์ได้รู้จักเทอร์ราเรียมในฐานะเป็นเทคนิคการเก็บรักษาพรรณไม้จากต่างถิ่น เพื่อนำมาเพาะพันธุ์ต่อในประเทศอังกฤษ โดยใช้ทฤษฎีการสร้างระบบนิเวศขนาดเล็กในวัสดุปิดที่มีความโปร่งแสง ภายในประกอบด้วยชั้นดิน น้ำ และก๊าซเหมือนบรรยากาศบนผิวโลก แสงแดดจะทำหน้าที่ช่วยให้กระบวนการสังเคราะห์แสงของต้นไม้สามารถดำเนินต่อไปได้ รูปต้นไม้สวยๆ
ในยุคสมัยนั้นเทอร์ราเรียมยังเป็นของตกแต่ง บ้าน ที่แสดงถึงฐานะของผู้เป็นเจ้าของ จึงมักใช้วัสดุและพรรณไม้ที่สวยงามแปลกตา มีความหรูหรา โดยเฉพาะภาชนะที่ครอบปิดสนิท แต่ปัจจุบันมีการใช้วัสดุที่หลากหลาย อย่างขวดน้ำหรือโหลแก้วที่เหลือใช้ในครัวเรือนก็สามารถนำมาใช้ทดแทนได้ตามความชอบของเจ้าของ หรือบางชนิดสามารถเปิดปากออกได้ แต่ต้องรดน้ำอยู่เรื่อยๆให้ต้นไม้มีน้ำเพียงพอกับการเจริญเติบโต
สำหรับเทอร์ราเรียมแบบปิดไม่จำเป็นต้องเปิดภาชนะบ่อย เพื่อให้น้ำหมุนเวียนอยู่ภายในขวดได้เพียงพอ โดยหมั่นสังเกตว่าถ้าน้ำบริเวณหินกรวดชั้นล่างสุดแห้ง จึงค่อยหยดน้ำเพิ่มลงไปให้พอปริ่มชั้นกรวดด้านล่าง ตำแหน่งที่วางเทอร์ราเรียมควรอยู่ในห้องที่อากาศไม่ร้อนจัดหรือในที่ซึ่งไม่ได้รับแสงแดดโดยตรง เนื่องจากอุณหภูมิภายในเทอร์ราเรียมจะร้อนมาก เพราะรังสีความร้อนไม่สามารถสะท้อนกลับออกไปภายนอกได้ เกิดเป็นปรากฏการณ์เรือนกระจก ทำให้ต้นไม้ภายในเหี่ยวและเฉาตาย ตำแหน่งที่วางควรเป็นมุมที่สามารถมองเห็นได้ง่าย ใกล้ระดับสายตา ไม่ควรอยู่ในซอกหรือมุมห้อง เพื่อให้เราสามารถสัมผัสธรรมชาติใกล้ตัวได้มากยิ่งขึ้น
สวนถาด Miniature Landscape
อีกหนึ่งไอเดียการจัดสวนภายใน บ้าน ที่กำลังได้รับความนิยมในตอนนี้คงหนีไม่พ้นสวนถาดที่เป็นรูปแบบการจัดที่จำลองสวนขนาดใหญ่มาย่อส่วนให้มีขนาดเล็กลง เหมาะมากสำหรับคนที่มีพื้นที่จำกัดและชื่นชอบจัดสวนขนาดจิ๋วเป็นงานอดิเรก โดยดึงเอาลักษณะของการปลูกต้นไม้คลุมดิน มอสส์ ต้นไม้จิ๋วหรือบอนไซมาผสมผสานกัน เพื่อให้บรรยากาศภายในสวนถาดมีสัดส่วนที่ดูสมจริงมากที่สุด
นอกจากพรรณไม้แล้ว พวกวัสดุตกแต่งก็มีส่วนช่วยให้เกิดความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เช่น บ้าน จำลองหรือฟิกเกอร์รูปคนและสัตว์ตามความชอบและจินตนาการของผู้แต่งสวน ซึ่งช่วยเติมเต็มเรื่องราวและส่งเสริมให้สวนถาดดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น โดยภาชนะปลูกควรมีปากกว้าง มีความสูงเหมาะสมกับให้ต้นไม้เจริญเติบโตได้ขนาดพอเหมาะ ที่สำคัญต้องสามารถยกไปตั้งในบริเวณต่างๆได้
โดยทั่วไปสวนถาดมีการดูแลไม่ต่างจากต้นไม้กระถางจิ๋วทั่วไป ซึ่งต้องดูแลรดน้ำอย่างน้อยวันละครั้ง และหมั่นคอยตัดแต่งสวนถาดให้มีขนาดเหมาะสมอยู่เสมอ รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีในการกำจัดแมลงหรือศัตรูพืช เพราะสวนถาดเหมาะสำหรับวางประดับใกล้กับคน และเป็นสวนที่เด็กชอบมาเล่นอยู่เสมอ สามารถวางประดับได้ทั้งพื้นที่ภายในและภายนอก บ้าน โดยต้องคำนึงถึงชนิดพรรณไม้ที่ปลูกว่าต้องการแสงแดดแค่ไหน หากต้นไม้ที่อยู่ภายในเริ่มแน่นเกินไปควรเปลี่ยนเอาพรรณไม้บางชนิดออกและปลูกต้นใหม่ทดแทน
โคเคดามะ Kokedama
หลายคนอาจไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้ แต่หากเรียกว่า “มอสส์บอล” อาจคุ้นหูมากกว่า ซึ่งเป็นศิลปะการจัดต้นไม้ที่พัฒนามาจากบอนไซที่ปลูกในกระถางปกติ แต่เปลี่ยนมาหุ้มด้วยดินเหนียวและมอสส์รอบก้อนดินเป็นทรงกลม ทำหน้าที่เป็นประติมากรรมที่วางเป็นจุดเด่นตามบริเวณต่างๆของ บ้าน โดยพรรณไม้ที่ปลูกภายในควรเป็นบอนไซหรือไม้ประดับที่สามารถปรับตัวได้กับสภาพความชื้นที่หลากหลาย
โคเคดามะสามารถปลูกแบบแขวนห้อยบนอากาศหรือวางบนภาชนะ เช่น จานหรือชามที่มีลวดลายสวยงามก็ได้ สิ่งสำคัญคือต้องรดน้ำเป็นประจำทุกวันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ให้วัสดุปลูกมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ หากไม่มีเวลารดน้ำควรเลี้ยงโคเคดามะในภาชนะที่มีน้ำหล่อไม่เกินหนึ่งในสามของขนาดตุ้มดิน และไม่ควรปลูกในบริเวณที่ได้รับแสงแดดหรือมีลมแรง เพราะต้นไม้จะสูญเสียน้ำและแห้งตายได้ง่าย ควรได้รับเพียงแสงแดดอ่อนๆเท่านั้น
ไอเดียแต่งสวนเปลี่ยนพื้นที่ว่างให้กลายเป็นสวนสนุก
พื้นที่ว่างในรั้วบ้าน จึงถูกหมายปองให้เป็นสวนสนุกสําหรับเด็ก ๆ ไปโดยปริยาย บางบ้านอาจจะมีบ่อทรายเล็ก ๆ กับเครื่องเล่นที่เขาชอบ แต่การที่เราจะเปลี่ยนพื้นที่ดังกล่าวให้กลายเป็น สวนสนุกสำหรับเด็กนั้น เรื่องความปลอดภัย ถือเป็นสิ่งที่ my home คำนึงถึงเป็นอันดับแรก และ ไอเดียแต่งสวน เพื่อใช้ให้เป็นพื้นที่สําหรับเด็ก ๆ นั้น เรื่องพรรณไม้ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องคำนึงถึง ควรเลือกพรรณไม้ที่ไม่มีพิษ ไม่มีหนาม และหลีกเลี่ยงโครงสร้างที่มีเหลี่ยมมุม หรือมีมุมรกร้างที่อาจเป็นอันตราย เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เล่นสนุกอย่างหมดห่วงได้เล่นในสวนสนุกหลัง บ้าน ของเราอย่างปลอดภัยกัน
1. เครื่องเล่นเด็ก การควรจัดวางเครื่องเล่นต่าง ๆ ภายในสวนสนุกของเรานั้น ควรจัดให้อยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก เลือกวางเครื่องเล่นเหล่านั้นบนพื้นสนามที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่นได้ดี อย่างพวกพื้นหญ้า หรือพื้นยางก็ได้ครับ เพื่อช่วยลดอาการบาดเจ็บที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการกระแทก และการเล่นด้วยรูปแบบที่หลากหลายของเครื่องเล่น จะช่วยเสริมสร้างการพัฒนาทักษะในด้านต่าง ๆ ที่แตกต่างกันดังนั้นควรเลือกเครื่องเล่นที่มีคุณภาพ และเหมาะสมกับช่วงวัยของหนู ๆ ด้วย
2. กระบะทราย กระทะทรายกับเด็กนั้นเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออกจริง ๆ ครับ การเล่นทรายในแต่ละครั้งถ้าเราไม่มีรั้วรอบ ขอบชิด กำจัดพื้นที่การเล่นให้เขา รับรองได้เลยครับว่า ทรายจะอยู่ในทุก ๆ มุมของ บ้าน อย่างแน่นอน การทำกระบะทรายนั้นอาจทําจากวัสดุที่แตกต่างกันไป เช่น ไม้ พลาสติก หรือการนําของเล่นเก่ามา ดัดแปลงให้มีขนาดใหญ่เพียงพอที่เด็กจะสามารถลงไปนั่งเล่นได้ เลือกทรายธรรมชาติ ที่เป็นทรายเนื้อละเอียด และมีความสะอาด หรือจะเลือกใช้เป็นทรายวิทยาศาสตร์มาใช้ก็ได้ครับ ซึ่งผิวสัมผัสของดินทรายที่เป็นเนื้อหยาบ จะช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสของกล้ามเนื้อมัดเล็กได้ดี
3. บ้านต้นไม้ บ้านต้นไม้เป็นอีกหนึ่งความฝันที่อยากจะมีมากเป็นอันดับต้น ๆ เลยครับ ไม่ใช่แค่เด็ก ๆ หรอกครับที่อยากได้ เพราะผู้ใหญ่อย่างเราก็แอบกรี๊ดไม่แพ้กัน การปีนป่ายบนบ้านต้นไม้นั้นจะช่วยพัฒนาศักยภาพทางด้านร่างกาย รวมถึงสติปัญญา และปลุกความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก ๆ ได้ดีที่เดียว เพราะฉะนั้นแล้วการเลือกใช้วัสดุเพื่อมาทำเป็นโครงสร้างของบ้านต้นไม้นั้น ควรคํานึงถึงความแข็งแรง เพื่อให้เป็นรากฐานที่มั่นคง รวมถึงรูปแบบและขนาดของ บ้าน ที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วยต่อแรงที่เด็ก ๆ ด้วย ความสูงของต้นไม้ก็เป็นอีกอย่างที่ไม่ควรมองข้ามครับ ควรเลือกต้นที่มีความสูงพอดี ๆ เป็นไม้เนื้อแข็ง เผื่อคุณหนู ๆ เกิดเล่นสนุกจนเกินเหตุ ตกลงมาต้องไม่บาดเจ็บมากเกินไปนะ
4. แผ่นทางเดิน นอกจากเครื่องเล่นชิ้นใหญ่ ๆ บ้าน ต้นไม้ และกระบะทรายแล้ว รายละเอียดเล็ก ๆ อย่างพื้นทางเดินในสวนสนุกนั้นเราก็ไม่ควรจะมองข้ามเลยครับ เพราะเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ช่วยเติมความสดใส ให้กับสวนได้อีกเพียบเลย หลัก ๆ แล้วแผ่นทางเดินจะแบ่งได้ 2 ประเภท คือแผ่นทางเดินธรรมชาติ และ แผ่นทางเดินซีเมนต์ ซึ่งทั้ง 2 ชนิดนี้จะมีคุณสมบัติและผิวสัมผัสที่ให้ความรู้สึกแตกต่างกัน การเลือกใช้แผ่นทางเดินที่มีรูปทรงฟรีฟอร์ม มีลวดลายที่แปลกตา และสีสันรวมถึงกิมมิคเล็ก ๆ ไว้ในแผ่นทางเดินในสวนนั้นก็จะสามารถสร้างความน่าสนใจ และกระตุ้นจินตนาการให้แก่พื้นที่สวนได้อีกด้วยครับ home