ห้องรับแขกในบ้านเรา

ห้องรับแขกในบ้านเรา
ห้องรับแขกในบ้านเรา

ห้องรับแขกในบ้านเรา

ห้องรับแขกในบ้านเรา เมื่อเราผ่านโถงทางเข้า บ้าน มา ห้องแรก ที่คุณควรได้พบ ก็คือ “ห้องรับแขก”พูด ถึงห้องรับแขกก็ควรต้องพูดถึง สไตล์ รูปแบบของ ห้องรับแขกด้วย มีทั้ง Modern (โมเดิร์น), Contempolary (คอนเทมโพลารี่) , Classic (คลาสสิค) (รูปแบบในแต่ละยุคสมัยที่ผ่านมาแล้ว) ซึ่งรวมถึง โอเรียนเทิล (Oriontal) หรือ Asian สไตล์ และโดยเฉพาะปัจจุบันโครงการหมู่บ้าน บ้านจัดสรร ที่กำลังบูม ขึ้นมาใหม่ กำลังหันความสนใจ นำเสนอ ชี้นำ

ให้ผู้ประสงค์ อยากได้บ้านได้เห็นคุณค่าของ ธรรมชาติ และรูปแบบย้อนยุค ย้อนเวลาหาอดีต อดีตที่มีความงาม ที่มีเอกลักษณ์ที่เด่นชัดเฉพาะ ประเทศและท้องถิ่น และที่สำคัญจุดเด่น หรือความโดดเด่นของ ศิลปะพื้นถิ่นเหล่านั้น ที่ ผู้ออกแบบ ทั้งมัณฑนากรและ สถาปนิก มีความประทับใจแล้วนำเสนอเจ้าของโครงการ สังคมทุกวันนี้เริ่มไขว่คว้าหาสิ่งแวดล้อมที่เป็น ธรรมชาติมากขึ้น ความเครียด ความผ่อนคลาย ที่ได้รับจาก ธรรมชาติช่วยบำบัดให้สดชื่น ร่าเริงได้โดยไม่รู้ตัว แน่นอนครับ

เมื่อต้องการธรรมชาติ ก็คงต้องใฝ่หาสิ่งที่ควรเป็นรูปแบบการ ตกแต่ง ที่ผสมผสานกัน ให้เนียนไปกับบรรยากาศ และอารมณ์ ธรรมชาติ เจือปนด้วยศิลปแห่งความงามของธรรมชาติ ที่ผสมได้ กับ สไตล์ ของการตกแต่ง ที่มัณฑนากร และสถาปนิก รุ่นย้อนอดีต ได้คิดสร้างสรรค์ให้คนรุ่นใหม่นำมา เป็นอาหาร ความคิด และสะท้อนความคิดนั้น ออกมาใน ความงดงามที่ผสม ร่วมสมัย หรือที่เรามักได้ยินว่า “รูปแบบย้อนยุคหรือร่วมสมัย” ซึ่งเป็นการเหมาะสมกับสังคม เวลา ความรู้สึกที่ต้องการของ สังคมเมือง ทุกอย่างเร่งรีบไปหมด

นี่คือบรรยากาศอารมณ์ ความรู้สึกที่จะเป็นที่มาของ ” กันเองกับห้องรับแขก ” ด้วย รูปแบบ หรือ สไตล์การออกแบบที่ท่านผู้อ่านคงต้องลองถาม ใจท่านเองว่า ท่านชอบและชื่นชมรูปแบบ หรือ สไตล์ แบบ ใดและที่ต้องการมากที่สุด แล้วจึงค่อยคิดฝันต่อไปถึงส่วน รายละเอียดอย่างอื่นของ “ห้องรับแขก” และ “กันเองกัน ห้องรับแขก”ไม่ยากหรอกครับ โครงการภูวิลล่า ภูเก็ต

การจัดห้องรับแขก

การจัดวางตำแหน่งของ ห้องรับแขก หรือบริเวณพักผ่อน หรือ นั่งเล่น และเราก็ สามารถใช้เป็น ส่วนรับแขกได้ด้วยในพื้นที่เดียวกัน ถ้าเราอ่าน หรือเปิดหนังสือต่างประเทศ เรามักจะพบคำว่า Living Area ความหมายก็คงเกี่ยวเนื่องกับ ชีวิตความเป็นอยู่ภายในบ้าน บ้านหรู ของ สมาชิกในครอบครัว ซึ่งจากพื้นที่ดังกล่าวนี้เรามักใช้ประโยชน์ ค่อนข้างหลากหลาย

สำหรับบ้านขนาดเล็กถึงขนาดกลาง เราขอ ไม่กล่าวถึงบ้าน HOME IN PHUKET ขนาดใหญ่ หรือคฤหาสน์ ซึ่งมีพื้นที่มากพอจะ จัดแบ่งพื้นที่เป็นเฉพาะ ห้องรับแขก,ห้องพักผ่อน-นั่งเล่น,ห้อง ทำงานแยกเป็นสัดส่วนแต่ละห้อง ปัญหาหนึ่งที่เรามักพบเสมอในการจัดวางรูปแบบของห้องรับแขก ก็คือเฟอร์นิเจอร์จะมีรูปลักษณ์เป็นอย่างไรม่านสีอะไรผนังควรทาสีหรือปิด Wallpaper หรือควรเป็นผนังไม้อัดลายธรรมชาติหรือลักษณะของการเลือกใช้แสงสว่าง ดวงโคม สวิทซ์ ปลั๊กและที่สำคัญ รูปแบบ สไตล์ต้องการเป็นอย่างไร ดังที่ได้กล่าวไว้แต่ต้น

การวางรูปแบบ     

การจัดห้องรับแขกนิยมจัดเป็น 2 แบบ คือ Phuket Villas

  • 1.  แบบนั่งพื้น จัดตกแต่งโดยใช้เสื่อหรือพรมปูลาด  หรือใช้เบาะรองนั่งหลาย ๆใบอาจมีหมอนอิง หรือหมอนสามเหลี่ยมเพื่อให้นั่งสบายขึ้น และมีโต๊ะเตี้ย ๆ วางตรงกลาง ใช้สำหรับวางสิ่ง ของน้ำดื่ม การจัดแบบนี้ค่อนข้างสะดวก ประหยัด เนื่องจากเครื่องเรือนหาง่าย ราคาไม่แพง
  • 2. แบบนั่งเก้าอี้  มีวิธีการจัดหลายวิธี ได้แก่จัดแบบเส้นตรง โดยจัดเก้าอี้วางเรียงเป็นแถวเดียว ให้เก้าอี้ยาวอยู่ตรงกลางเก้าอี้เดี่ยววางไว้ด้านข้างด้านละตัว และวางโต๊ะรับแขกไว้กลางตรงส่วนหน้าเก้าอี้ยาว การจัดแบบนี้เหมาะสำหรับห้องแคบ หรือมีพื้นที่จำกัด
    • จัดแบบเข้ามุมห้อง โดยจัดวางเก้าอี้ยาวไว้ชิดผนังด้านหนึ่ง เก้าอี้เดี่ยวอีก 1 – 2 ตั้งชิดผนังอีกด้านให้อยู่ในลักษณะเป็นมุมฉาก วางโต๊ะรับแขกไว้ตรงกลาง การจัดแบบนี้ช่วยประหยัดเนื้อที่ได้มาก เหมาะสำหรับห้องขนาดเล็ก
    • จัดลักษณะรูปสี่เหลี่ยม  การจัดแบบนี้จะวางเก้าอี้ยาวไว้ชิดผนัง เก้าอี้เดี่ยว 2 ตัว วางไว้ด้านตรงข้าม และมีโต๊ะรับแขกวางอยู่ตรงกลาง
    • จัดแบบตัวยู (U) หรือเข้ามุม 2 มุม  การจัดแบบนี้จะวางเก้าอี้ยาวไว้ชิดผนังด้านหนึ่ง และวางเก้าอี้เดี่ยวไว้ด้านข้าง 2 ด้าน ในลักษณะตรงกันข้าม และวางโต๊ะรับแขกไว้ตรงกลางเหมาะสำหรับห้องที่มีลักษณะแคบแต่ยาว
    • จัดแบบวงกลม โดยวางชุดเครื่องเรือนทั้งหมดอยู่ห่างจากผนังจนเกือบกลางห้อง วางเก้าอี้ยาวไว้ด้านหนึ่ง โต๊ะรับแขกไว้ตรงกลาง และวางเก้าอี้เดี่ยวโดยรอบ การจัดแบบนี้เหมาะสำหรับห้องที่มีพื้นที่กว้างมาก     

สิ่งที่ควรนำมาใช้จัดตกแต่งห้องรับแขก ได้แก่

  • 1. ชุดรับแขก  แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ ถ้าเป็นแบบนั่งพื้นก็ควรใช้เสื่อหรือพรมปูพื้น ถ้าเป็นแบบนั่งเก้าอี้ ควรเลือกชุดรับแขกที่มีขนาดและรูปแบบที่เหมาะกับห้อง ทำจากวัสดุที่แข็งแรง ทนทาน เช่น ไม้ หวาย ถ้าบุผ้าควรเลือกสีที่กลมกลืนกับสีห้อง
  • 2. ตู้โชว์  เลือกขนาดพอเหมาะกับห้อง ไม่ควรสูงมาก จะทำให้ห้องแลดูทึบ ควรวางชิดผนังไม่ควรวางตู้บังแสงสว่างและทิศทางลม
  • 3. ผ้าม่าน เป็นสิ่งตกแต่งที่ช่วยกรองแสงสว่างในห้องให้ลดลง และช่วยให้ห้องรับแขกดูสวยงามขึ้น การเลือกผ้าม่านมาตกแต่งห้อง ควรเลือกที่มีสีสัน ลวดลายสวยงาม กลมกลืนกับห้อง
  • 4. ภาพ ควรเลือกสีให้เข้ากับเครื่องเรือนและผนังห้อง และควรเลือกภาพวิวธรรมชาติที่ดูแล้วสดชื่น ภาพบุคคล ภาพเขียน หรือปักผ้าด้วยมือที่มีความสวยงาม มีคุณค่านำมาตกแต่งห้อง
  • 5. ต้นไม้ และดอกไม้   เป็นสิ่งที่ช่วยให้ห้องรับแขกมีชีวิตชีวา ไม่แห้งแล้ง ต้นไม้ที่จำมาประดับ ควรเลือกชนิดที่ไม่ต้องการแสงแดดมาก เช่น บอน พลูด่าง ฯลฯ
  • 6. สิ่งประดับตกแต่งอื่น ๆ เช่นรูปปั้น เครื่องเซรามิก งานหัตถกรรมพื้นบ้าน HOME IN PHUKET ควรเลือกให้มีสี ขนาด รูปทรง เหมาะสมสัมพันธ์กัน

ในสมัยก่อน วัสดุส่วนใหญ่ที่ใช้ทำเครื่องเรือนมักทำด้วยไม้เนื้อดี เช่น ไม้สักที่เน้นให้เห็นลายไม้ที่สวยงาม เครื่องหวายเป็นต้น แต่ในปัจจุบัน เครื่องเรือนที่เป็นหนัง มีบทบาทมากขึ้น และเหมาะกับห้องที่ติดตั้ง เครื่องปรับอากาศ นอกจากการ คำนึงถึง สีของผนังห้อง และ เครื่องเรือนแล้ว ถ้ามีการปูพรม และ ติดผ้าม่าน ก็จำเป็นต้องเลือก พิจารณาให้กลมกลืนกันด้วย

สำหรับบ้านที่มีเนื้อที่ค่อนข้างมาก มักนิยมแยก ห้องพักผ่อนออกจาก ห้องรับแขก ห้องพักผ่อน มีไว้สำหรับการพักผ่อนรวมกันของทุก ๆ คนในครอบครัว อาจเป็นช่วงวันหยุด เพื่อทุกคนในบ้าน บ้านหรู จะได้ใช้เป็นที่สนทนา ดูโทรทัศน์ ฟังเพลง หรือเล่นเกมด้วยกัน อาจใช้ตอนรับแขกที่สนิทสนม เป็นพิเศษได้ด้วย กรณีอยู่คนเดียว ห้องพักผ่อนก็ยังเป็น ห้องพักผ่อนส่วนตัว

ซึ่งเป็นคนละส่วนกับ การพักผ่อน ในห้องนอน โต๊ะเล่นเกม ขนาด 0.60 x 0.60 เมตร สูง 0.50-0.75 เมตร นอกจากนี้ อาจมีโต๊ะทำงาน หรือ อ่านหนังสือ มุมสำหรับแม่ บ้าน ทำงานเย็บปักถักร้อย เก้าอี้น้ำหนักเบา หรือ เก้าอี้นั่งครึ่งนอน เพื่อพักผ่อนสบาย ๆ

การจัด หากในห้องพักผ่อน มีกิจกรรมหลาย ๆ อย่างก็ควรแยกเป็นมุม เช่นการพูดคุย และการเพลิดเพลิน กับ สิ่งบันเทิง จะอยู่ใกล้กัน เพราะไม่ต้องใช้แสงสว่างมาก ส่วนการอ่านหนังสือ การทำงาน การเล่นเกม จะอยู่ด้านเดียวกัน โดยมีแสงสว่างเฉพาะที่บริเวณนั้น ๆ ที่สำคัญคือห้องต้องไม่มีเครื่องเรือนและอุปกรณ์ต่าง ๆ มากจนคับแคบ เกินไป จุดสำคัญของห้องนี้ ไม่ได้อยู่ที่ การจัดเครื่องเรือน ให้เข้าชุดกัน แต่อยู่ที่การแบ่งเนื้อที่ให้เกิด ประโยชน์ใช้สอย และ สะดวกสบาย