สีทาบ้านยอดฮิตสไตล์โมเดิร์น

สีทาบ้านยอดฮิตสไตล์โมเดิร์น

สีทาบ้านยอดฮิตสไตล์โมเดิร์น

สีทาบ้านยอดฮิตสไตล์โมเดิร์น ที่นำมาให้ดูในวันนี้บอกเลยว่าไม่ได้โมเดิร์นแบบสายโหดที่เปลี่ยนจากบ้านกว้างให้ดูแคบแน่นอนเพราะเฉดที่นำมาจะเป็น แบบ Modern + neutral เป็นโทนสีเข้มไปผสมขาว เบรกสายตา สู่ความนิ่ง สงบ แบบมีเสน่ห์ดูมีรสนิยม จะ บ้าน เก่าหรือใหม่ไม่ต้องรออะไรไปเริ่มทาสีกันเลย

สีทาบ้านยอดฮิตสไตล์โมเดิร์น

1. Classic Silver สีแรกก็ต้องไม่พลาดนั้นก็คือสีเทา Classic Silver เป็นการเอาสีเทามาผสมสีขาว ให้ดูซอฟลงไม่ดุดันเหมาะสำหรับ ห้องที่มีพื้นที่จำกัด เพราะสีอ่อนทำให้ห้องดูไม่แคบนั้นเอง

สีทาบ้านยอดฮิตสไตล์โมเดิร์น

2.Black Garnet สายเข้มก็ตามมาติดๆ หากหลงใหลในความเข้มก็ต้องเป็นโทนนี้เลย เพราะเป็นสีดำแต่ไม่ถึงกับดำสนิทมีการใช้สีขาวผสมให้ดูเป็นสีดำเทา ห้องนี้สามารถเพิ่มความเด่นด้วยของแต่งบ้าน บ้านเดี่ยว โทนสีสว่าง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม สีโซฟา การใช้หมอนอิงสีสดใสหรือ แต่งผนังด้วยกรอบรูป ก็ได้เช่นกันครับ

สีทาบ้านยอดฮิตสไตล์โมเดิร์น

3.Aegean สีที่ 3 จะบอกว่าเป็นสีฟ้าน้ำทะเลก็ได้ครับ แต่น้ำลึกหน่อยเพราะเป็นฟ้าเข้มผสมเขียวนิดๆ ให้ความรู้สุกสบายๆผ่อนคลาย

สีทาบ้านยอดฮิตสไตล์โมเดิร์น

4.Boysenbrery หรือถ้าเรียกแบบภาษาชาวบ้าน HOME IN PHUKET ก็คือสีแดงมะเหมียว เป็นแดงอมชมพูผสมม่วงเป็นเฉดที่สาวมั่นชอบเป็นที่สุด แต่ไม่แนะนำให้ทาสีนี้ทั้งห้องนะครับ เน้นทาไฮไลท์แค่ผนังเดียวก็พอ เดี๋ยวจะเยอะไป

สีทาบ้าน

5.Marigold เป็นสีเหลืองทองหรือการนำเอาสีเหลืองมาผสมสีส้มให้ดูเป็นเฉดทอง ซึ่งข้อดีของการนำสีเหลืองมีแต่งสไตล์โมเดิร์นคือทำได้ง่ายเพราะไม่ว่าจะเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์สีขาวหรือดำก็ดูลงตัว และตามหลักจิตวิทยายังบอกไว้ว่าสีเหลืองจะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ช่วยให้กล้ามเนื้อมีกำลังและช่วยดึงดูดความสนใจและเป็นสีสือถึงความสดใสได้ดีอีกด้วย

สีทาบ้าน

6.Crocodile ขอปิดท้ายกันด้วย สีโทนเย็น (Cool Color) กันสีเขียวเหมือนสีของจระเข้ ซึ่งสีนี้ตามจริงแล้วพวกเรา Infinity Design ผ้าม่าน บอกเลยว่าแต่งได้หลากหลายสไตล์ ทั้ง Modern Style และ Tropical Style ที่เน้นแนวการใช้โทนสีและเฟอร์นิเจอร์ แบบธรรมชาติ ตามสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้นอย่างประเทศไทยนั้นเอง

สีทาบ้าน

เรื่องต้องรู้ ก่อนทาสีบ้าน

  • ชนิดของสีทาบ้าน แบ่งตามวิธีการนำไปใช้งานที่ มี 3 ชนิด คือ สีอะคริลิค สีทาไม้ และสีน้ำมัน
  • สีทาบ้านภายนอกมีคุณสมบัติด้านความทนทาน เพราะต้องเผชิญกับทั้งแดด ลม และฝน นิยมใช้เป็นสีอะคริลิค ส่วนสีทาบ้านภายในควรเลือกสีที่มีคุณสมบัติกึ่งเงาหรือเนื้อแมท เนื่องจากเช็คทำความสะอาดได้ง่าย
  • เกรดสีทาบ้าน คือ ตัวบ่งบอกปริมาณส่วนผสมและคุณภาพของสี ที่ควรเอามาพิจารณาว่า เราควรจะเลือกสีเกรดไหน กับบ้านส่วนไหนของเราบ้าง ประกอบด้วย เกรด A B C และ D
  • ควรเลือกใช้สีเกรด A หรือ B เพราะคุณภาพของสีทำให้สีติดทนนานเป็น 10 ปี
  • วิธีเลือกสีทาบ้านภายนอก เลือกสีที่ทนต่อสภาพอากาศ สามารถสะท้อนความร้อนได้มาก เพื่อช่วยให้อุณหภูมิในบ้านเย็น และช่วยประหยัดพลังงาน ส่วนวิธีเลือกสีทาบ้านภายใน เนื้อสีต้องมีความละเอียดเป็นเงางาม เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย
  • วิธีทาสีผนังบ้านให้สวย ต้องทำความสะอาดผนังก่อนทา และใช้แปรงให้ถูกขนาดตามพื้นที
  • เลือกสีทาบ้านให้เหมาะสม หากต้องการให้แสงสว่างภายในบ้านมากพอ ควรเลือกใช้สีโทนสว่าง

ก่อนจะทาสีบ้าน มีหลายเรื่องที่เราต้องรู้ ไม่ว่าจะเป็น ชนิดของสีทาบ้าน เกรดสี วิธีการเลือกสี หรือ การทำยังไงให้สีทาบ้านติดทนนาน เพื่อให้บ้านของคุณสวยงาม ถูกใจตามต้องการและดูเป็นมืออาชีพ วันนี้เดลูต้า ก็ขอแนะนำ 7 เรื่องสำคัญที่ควรรู้ มาฝากกัน จะมีอะไรบ้าง สีทาบ้านยอดฮิตสไตล์โมเดิร์น ไปดูกันครับ

1.ชนิดของสีทาบ้าน แต่ละแบบ ใช้งานยังไง

สามารถแบ่งชนิดของสีทาบ้าน ตามวิธีการนำไปใช้งานที่แตกต่างกันไป ซึ่งเราต้องเลือกซื้อสีทาบ้านให้ตรงตามการใช้งานมากที่สุด ซึ่งมี 3 ชนิด ดังนี้…

  • สีอะคริลิค เป็นสีทาบ้านที่นิยมใช้มากที่สุด เพราะเป็นสีที่ใช้กับการทาผนังคอนกรีต กำแพงที่ลงซีเมนต์เอาไว้ หรือพูดเข้าใจง่ายๆ ก็คือ ผนังปูนตามบ้านทั่วไปนั่นเอง ซึ่งเทคโนโลยีในการผลิตสีในปัจจุบันทำให้สีอะคริลิคมีคุณสมบัติติดแน่นทนนานและทนทานต่อสภาพอากาศได้เป็นอย่างดี ไม่หวั่นแม้ฝนตก แดดแรงจัด ลมแรงๆ หรือเชื้อรา ความชื้น สีอะคริลิคสมัยนี้ เอาอยู่ทุกปัญหาครับ ดังนั้น ถ้าคุณจะซื้อสีมาทาผนังบ้าน กำแพงปูน ก็ต้องเลือก สีทาบ้าน ชนิดสีอะคริลิค นั่นเองครับ
  • สีทาไม้ สีทาไม้เป็นอีกหนึ่งประเภทของสีที่นิยมใช้กันในการตกแต่งบ้าน สามารถใช้สีประเภทนี้กับการทาสีโครงสร้างที่เป็นไม้ เช่น กำแพงไม้ เฟอร์นิเจอร์ไม้ พื้นไม้ หรือ ผนังไม้ คุณสมบัติของสีทาไม้จะให้ความเงางามกับไม้จนดูมีความสวยงาม และมันยังช่วยให้สีของไม้ดูสดมากยิ่งขึ้นอีกด้วยครับ
  • สีน้ำมัน เอกลักษณ์ของสีน้ำมัน คือความเงางาม และความวาววับจากการสะท้อนแสง ทำให้สีน้ำมันมักจะได้รับความนิยมเอาไปตกแต่งบ้านในตำแหน่งต่างๆ ทำให้บ้าน HOME IN PHUKET ออกมาสวยงาม มักใช้ในการทาบนโครงสร้างที่เป็นโลหะ เหล็ก เช่น ประตูรั้วบ้าน ราวโลหะ หรือ ประตูรั้ว  แต่ข้อเสีย คือ แห้งช้า และ ราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าสีประเภทอื่นๆ ทำให้มันไม่ค่อยนิยมนำมาทาสีที่ตัวบ้านนั่นเองครับ

2.สีทาบ้านภายนอกและสีทาบ้านภายใน แตกต่างกันอย่างไร

สีทั้ง 2 ชนิดนี้ แตกต่างกันที่คุณสมบัติ โดยสีทาบ้านภายนอกนั้นจะเน้นคุณสมบัติด้านความทนทาน เพราะต้องเผชิญกับทั้งแดด ลม และฝน นิยมใช้เป็นสีอะคริลิค จะมีการเติมส่วนผสมอื่นๆเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มคุณสมบัติให้เหมาะกับการใช้งาน เช่น ป้องกันเชื้อรา คราบน้ำ ความร้อน นอกจากนี้สีทาภายนอกบางชนิดยังมีคุณสมบัติช่วยสะท้อนความร้อน เมื่อทาแล้วทำให้บ้านเย็นและประหยัดพลังงานได้อีกด้วย

ส่วนสีทาบ้านภายในมีความคงทนเช่นกัน แต่จะน้อยกว่าสีภายนอก เพราะไม่ต้องเจอกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงเหมือนผนังนอกบ้าน นิยมเป็นสีอะคริลิค เพราะเป็นสีที่ไม่มีกลิ่นรบกวน และควรเลือกสีที่มีคุณสมบัติกึ่งเงาหรือเนื้อแมท เนื่องจากเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย โดยไม่ทำให้ความเงาลดลง  ซึ่งตอนนี้สีทาบ้านส่วนมาก สามารถทาได้ทั้งภายในและภายนอกได้แล้ว   โครงการภูวิลล่า ภูเก็ต

3.เกรดสีทาบ้าน 4 เกรด ต่างกันยังไง

เกรดสี คือ ตัวบ่งบอกปริมาณส่วนผสมและคุณภาพของสี ที่ควรเอามาพิจารณาว่า เราควรจะเลือกสีเกรดไหน กับบ้านส่วนไหนของเราบ้าง แบ่งได้เป็น  4 เกรดดังนี้

สีทาบ้าน

4.ทำยังไงให้สีทาบ้านติดทนนาน

จะทาสีบ้านทั้งที เชื่อว่าหลายๆคนคงอยากให้สีมันติด ทนนาน ไม่ต้องทาซ้ำบ่อยๆ ซึ่งการที่จะรักษาสีทาบ้านให้คงอยู่ยาวนานนั้น จะต้องใส่ใจรายละเอียดตั้งแต่ขั้นตอนแรก คือ การเลือกสีให้เหมาะสมกับการใช้งาน แนะนำว่าหากเราจะใช้สีทาภายนอก ก็ควรเลือกใช้สีเกรด A หรือ B ไปเลยจะดีกว่า แม้ราคาสูง แต่คุณภาพของสีทำให้สีติดทนนานเป็น 10 ปี  แต่หากเป็นสีที่ใช้ทาภายในเราก็อาจใช้เกรดที่ดร็อปลงมาได้ เพราะสีทาภายในไม่ต้องเผชิญกับสภาวะสิ่งแวดล้อมมากนัก แต่ก็ควรเลือกสีที่สามารถเช็ดและทำความสะอาดได้ง่าย

ส่วนการทาสี ก็เป็นอีกตัวแปรหนึ่งที่จะทำให้สีบ้านติดคงทนถาวร เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมพื้นผิว ให้เรียบ ไม่มีฝุ่นละอองยึดเกาะ ไม่มีไขมัน ไม่มีความชื้น หากมีรอยแตกก็ควรซ่อมแซมหาปูนมาปิดให้เรียบสนิท โดยการทาสีนั้นก็ควรทาประมาณ 2-3 ชั้น ขึ้นไป เพื่อให้สีเนียนเรียบ สวยงาม แต่ไม่ควรทาเกิน 5 ชั้น เพราะจะทำให้ชั้นสีหนาเกินไป ซึ่งจะทำให้สีหลุดลอกได้ง่ายกว่าการทาเพียง 2-3 ชั้น นอกจากจะเปลืองแล้ว ความทนทานของสีก็ยังน้อยกว่าด้วย

5.วิธีเลือกสีทาบ้านภายนอก และ สีทาบ้านภายใน

สีทาบ้านภายนอก

  1. เลือกสีที่ทนต่อสภาพอากาศ ความร้อนแสงแดด แรงลม ความชื้น และภาวะสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ได้ดี
  2. สามารถขัดหรือทำความสะอาดรอยเลอะหรือความสกปรกออกได้ง่ายโดยไม่ทำลายเนื้อสีให้เสียหาย
  3. ป้องกันเชื้อรา ตะไคร่น้ำได้ดีด้วยสารเติมแต่งหากสัมผัสกับน้ำฝนหรือความชื้น
  4. เลือกเฉดสีให้เหมาะสมกับธรรมชาติโดยรอบ
  5. เลือกสีที่สามารถสะท้อนความร้อนได้มาก เพื่อช่วยให้อุณหภูมิในบ้าน บ้านหรู เย็น และช่วยประหยัดพลังงาน

สีทาบ้านภายใน

  1. เนื้อสีต้องมีความละเอียดเป็นเงางาม
  2. สามารถเช็ดทำความสะอาดสิ่งปนเปื้อน รอยด่างดำได้ง่าย และทนต่อแรงถูขัด
  3. ป้องกันเชื้อรา แบคทีเรีย และคราบหมองคล้ำที่เกิดจากเชื้อรา
  4. ไม่มีกลิ่นฉุน กลิ่นสารระเหยที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้อาศัยหรือทำให้เกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะในห้องนอน หรือห้องของเด็กๆ
ทาสีบ้าน

6.ทาสีผนังบ้าน ยังไงให้สวย

  • ทำความสะอาดผนัง : ขั้นตอนแรกที่ต้องทำก่อนทาสีก็คือ ทำความสะอาด ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น หยากไย่ หรือแม้กระทั่งผิวขรุขระบนผนัง ควรจัดการให้เรียบร้อย จากนั้นใช้ฟองน้ำชุบน้ำยาล้างจานผสมกับน้ำเช็ด แล้วจึงใช้น้ำสะอาดล้างฟองสบู่ออกตามอีกครั้ง
  • ทาสีตัดขอบระหว่างเพดานและผนัง : กรณีที่ใช้สีเพดานและผนังต่างกัน ใช้แปรง 2 นิ้วหรือ 2.5 นิ้วเริ่มทาสีที่มุมใดมุมหนึ่งของห้องก่อน แล้วค่อย ๆ ทาสีเพดานส่วนที่ชนผนังทั้ง 4 ด้าน พยายามอย่าให้สีเกินไปโดนผนังเด็ดขาด หากมีสีเปื้อนควรรีบเช็ดออกทันที Phuket Villas
  • ทาสีเพดาน : หลังจากตัดขอบแล้ว พื้นที่ส่วนที่เหลือให้ใช้ลูกกลิ้งทาสีได้เลย ก่อนการทาควรจะล้างสีที่ตกค้างออกจากแปรงหรือลูกกลิ้งทาสีออกให้หมด และเริ่มลงแปรงสีตามแนวขวางของเพดาน ทิศทางการทานั้นควรจะเป็นจากซ้ายไปขวาหรือขวาไปซ้าย
  • ทาสีผนัง : เริ่มจากใช้แปรงทาขอบผนังก่อน จากนั้นส่วนที่เหลือตรงกลางใช้ลูกกลิ้งทาได้เลย โดยใช้เทปติดที่ขอบหน้าต่างและประตูก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้สีเปรอะเปื้อนบริเวณดังกล่าว
  • ติดเทปก่อนการทาสีประตูและหน้าต่าง : เป็นการป้องกันไม่ให้สีที่ทาประตูและหน้าต่างเลอะผนังที่ทาไว้แล้ว ให้ติดเทปบริเวณผนังรอบ ๆ กรอบหน้าต่างและประตูก่อนทา พยายามเลี่ยงการทาทับเทป เพราะอาจมีสีซึมลงไปและที่สำคัญไม่ควรทาเกินขอบเทปด้วย

สิ่งที่ไม่ควรทำในการทาสีบ้าน

การทาสีบ้านไม่ใช่เรื่องที่ทำกันบ่อย ๆ เหมือนทำความสะอาดบ้าน ทำให้หลายคนยังไม่รู้ว่า การทาสีบ้านจริง ๆ แล้วมีวิธีที่จะทำให้การทาสีง่าย ราบรื่น และเสร็จไวขึ้น แต่ที่ทำให้การทาสีบ้านดูเป็นเรื่องยากก็เพราะว่าวิธีทาสีบ้านแบบผิด ๆ ที่ชอบทำกันเป็นประจำนี่แหละ แต่คิดว่าหลายคนน่าจะยังไม่รู้ตัวเลย วันนี้จะเอามาเฉลยให้ฟังว่ามีอะไรบ้างพร้อมนำวิธีที่ถูกต้องมาให้ฟัง

  • สีไม่ตรงกับที่คิดไว้ เวลาที่ไปซื้อสีทาบ้านทางร้านมักจะมีตารางเทียบสีมาให้เลือก แต่ในบางครั้งเมื่อนำสีมาทาบ้านแล้วสีกลับไม่เหมือนในตารางที่เลือกไว้ นั่นก็เป็นเพราะว่าแสงไฟที่ร้านกับที่บ้านนั้นไม่เหมือนกัน ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสีมาทาควรขอสีตัวอย่างกลับมาทาพื้นที่ก่อน ถ้าสีโดนแสงแล้วไม่ถูกใจจะได้เปลี่ยนสีใหม่ทันเวลาก่อนทาไปแล้วแต่ต้องมานั่งเซ็งภายหลัง
  • เปิดฝาถังสีทิ้งไว้ เพื่อความสะดวกหลายคนชอบเปิดฝาถังสีไว้ โดยลืมคิดไปว่าอาจจมีอุบัติเหตุที่ทำให้ถังล้มจนสีหกกระจายเต็มพื้น ฉะนั้นวิธีป้องกันคือควรปิดฝาถังสีทุกครั้งแม้ในระหว่างทำงาน เผื่อไว้ถ้าเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดสีจะได้ไม่เลอะพื้น โดยเฉพาะบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงควรกันไว้ให้ห่าง ไม่อย่างนั้นบ้าน บ้านหรู ของคุณอาจจะเต็มไปด้วยรอยประทับจากเจ้าตูบ
  • ใช้ลูกกลิ้งทาผนังติดกับเพดาน สำหรับคนที่ใช้ลูกกลิ้งทาสีก็อาจจะกลิ้งจนลืมดูว่าสูงเกินไป จนทำให้สีจากลูกกลิ้งติดเพดานโดยไม่ได้ตั้งใจ ฉะนั้นก่อนทาควรหาเทปกาวติดเพดานกันสีเลอะเอาไว้ก่อนทา หรือทาสีเฉพาะส่วนกลางผนังก่อน แล้วค่อยใช้แปรงหรือลูกกลิ้งทาสีผนังบริเวณที่ติดกับเพดานในแนวขวาง ก็จะทำให้งานออกมาเนี้ยบโดยไม่ต้องตามแก้ทีหลัง
  • ทาสีซ้ำหลายรอบเกินไป ในการทาสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ ประตู หรือตู้ ควรทาสีเพียงรอบเดียว แล้วค่อยทาสีย้ำเฉพาะพื้นที่ที่ยังไม่โดนสีก็พอ และการทาในส่วนเล็ก ๆ แบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องจุ่มสีเพิ่มหากมีสีเดิมค้างอยู่ที่ขนแปรง ส่วนในกรณีที่จำเป็นต้องทาซ้ำควรรอบให้สีรอบแรกแห้งสนิทเสียก่อนแล้วค่อยลงสีเพิ่ม เพราะหากทำในขณะที่สีรอบแรกยังไม่แห้งดีจะทำให้เนื้อสีไม่เรียบ
  • เก็บสีไว้ในที่เย็น อุณหภูมิก็มีผลกับเนื้อสีเช่นกัน เช่น อากาศเย็นจะทำให้สีจับกันเป็นก้อน ดังนั้นหลังการใช้งานจึงควรเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องปกติ และไม่ทาสีในวันที่อากาศเย็นเพราะความชื้นในอากาศจะทำให้สีแห้งยาก ในทางกลับกันหากทาสีในวันที่อากาศร้อนมาก ๆ จะทำให้สีแห้งเร็วจนอาจเกิดคราบและเกิดฟองอากาศ
  • ไม่ลอกสีเคลือบเงาก่อน บางคนอาจคิดว่าซื้อสีมาแล้วสามารถทาได้เลย สุดท้ายสีก็หลุดออกมาเป็นแผ่น ๆ จนต้องทาใหม่ ฉะนั้นจึงควรลอกสีเคลือบเงาโดยการขูดหรือใช้กระดาษทรายขัดออกก่อน หรือถ้าจะให้ดีก็ใช้น้ำยาลอกสีเคลือบผนังโดยเฉพาะ เพื่อให้สีที่ทาใหม่ติดแน่นทนนานไม่ต้องทาซ้ำบ่อย ๆ
  • ทาสีในที่สลัวหรือแสงน้อย การทาสีตอนเย็นหรือมีแสงน้อยนั้นถือว่าไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้ไม่เห็นความผิดพลาดและรอยต่าง ๆ ดังนั้นจึงควรเปิดหน้าต่างให้ผนังโดนแสงธรรมชาติระหว่างการทำงาน เพื่อให้เห็นเนื้อสีที่แท้จริงเห็นรอยตำหนิอย่างชัดเจน
  • เลือกสีไม่เหมาะกับพื้นที่ ไม่ว่าฝีมือการทาสีของคุณหรือของช่างจะเทพขนาดไหน แต่ถ้าเลือกสีผิดผนังบ้าน HOME IN PHUKET ก็จะดูไม่น่ามองอยู่ดี ฉะนั้นหลีกเลี่ยงการใช้สีสะท้อนแสงหรือสีที่มีสารเคลือบเงากับบริเวณที่มีพื้นผิวไม่เรียบ เพราะจะยิ่งเป็นการเน้นให้ส่วนที่มีรอยตำหนิชัดขึ้น หรือถ้าสีใหม่ที่จะทานั้นเข้มกว่าสีเก่าให้ทาสีรองพื้นก่อน แต่หากไม่ควรทาสีเคลือบเงาทับผนังที่ทาสีเคลือบเงาไว้ก่อนหน้านี้ เพราะจะทำให้สีเพี้ยนและพังมาก
  • ลงสีทาไม้โดยไม่ผสมทินเนอร์ ถ้าเป็นการทาสีผนังธรรมดานั้นไม่จำเป็นต้องใช้ทินเนอร์ก็ได้ แต่สำหรับเฟอร์นิเจอร์ไม้และตู้ต่าง ๆ จำเป็นต้องผสมทินเนอร์กับสีก่อนทา เพื่อลดความหนืดของเนื้อสี และทำให้สีทาง่ายและเรียบเนียนยิ่งขึ้น
  • ไม่ใช้สีกันคราบและความชื้น รอยด่างดำที่เกิดจากความชื้น อย่างเช่น คราบเชื้อรา ช่างเกะกะสายตาเสียจริง ๆ หลายคนเลยตัดสินใจทาสีใหม่เพื่อกลบคราบสกปรกที่แก้ไม่หาย แต่หากไม่แก้ที่ต้นเหตุสักวันก็เจอปัญหาแบบนี้อีกอยู่ดี โดยเฉพาะไม้ซึ่งเป็นวัสดุที่ไวต่อความชื้น ฉะนั้นหากเป็นไปได้ควรทาสีกันคราบและความชื้นรองพื้นก่อนที่จะทาสีจริง
  • ไม่ติดเทปตามขอบประตูและหน้าต่าง การทาสีบริเวณตามขอบประตูและหน้าต่างนั้นต้องใช้ความระวังมากกว่าพื้นที่อื่น เพราะหากเผลออาจทำให้สีเลอะส่วนที่ไม่ต้องการจะทาได้ แถมบางพื้นที่อาจจะแก้ยากอีกต่างหาก ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้สีเปื้อนบริเวณอื่น ควรหาเทปกาวมาติดก่อนและลอกเทปหลังจากสีแห้ง จะได้ไม่ต้องปวดหัวเรื่องสีเปื้อนอีก
  • จุ่มแปรงลงถังสีทั้งอัน หลาย ๆ คนติดนิสัยชอบจุ่มขนแปรงลงถังสีทั้งหมด ซึ่งจริง ๆ แล้วการทาสีใช้แค่ส่วนปลายขนแปรงเท่านั้น แถมการทำแบบนี้ยังทำให้สีเลอะบริเวณรอบข้างอีกต่างหาก ฉะนั้นจุ่มสีแค่ส่วนปลายจนถึงกึ่งกลางก็พอ จะได้ไม่เปลืองสีโดยเปล่าประโยชน์ด้วย
  • ติดเทปกาวทิ้งไว้นานเกินไป หลายคนใช้เทคนิคติดเทปกาวเอาไว้บนผนัง เว้นส่วนที่ไม่ต้องการทาสีเอาไว้ โดยคิดว่ายิ่งติดไว้นานเท่าไรยิ่งดี จริง ๆ แล้วกลับตรงกันข้าม เพราะควรดีงเทปกาวออกหลังจากทาสีเสร็จแล้วประมาณ 1 ชั่วโมง เพราะหากทิ้งไว้นานเกินไปสีจะซึมและอาจทำให้สีเลอะขณะลอกเทปกาวได้ วิธีแก้ไขคือ ใช้ใบมีดค่อย ๆ กรีดไปตามขอบเทปกาว แล้วใช้ไดร์เป่าให้ความร้อนก็จะช่วยให้ลอกเทปกาวออกได้ง่ายขึ้น
  • ไม่ทำความสะอาดผนัง ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดก่อนจะทาสีใหม่ เพราะถ้าหากไม่ทำความสะอาดก่อนทาสี ก็อาจทำให้ผิวสัมผัสของผนังหลังทาสีเสร็จเป็นรอยขรุขระ มีฟองอากาศ ไม่เรียบเนียน อีกทั้งยังส่งผลเสียกับแปรง รวมถึงควรซ่อมแซมรอยเจาะ รอยแตก รวมถึงรอยนูนต่าง ๆ บนผนังให้เรียบร้อยก่อนลงสีด้วย

อ่านเพิ่มเติม สีทาบ้านไม้ภายนอก