ปลูกต้นไม้ในบ้านอย่างไรให้รอด

ปลูกต้นไม้ในบ้านอย่างไรให้รอด
ปลูกต้นไม้ในบ้านอย่างไรให้รอด

ปลูกต้นไม้ในบ้านอย่างไรให้รอด

ปลูกต้นไม้ในบ้านอย่างไรให้รอด การปลูกต้นไม้ในอาคาร เริ่มเป็นที่นิยมและแพร่หลายกันมากขึ้นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า สำนักงาน ร้านอาหาร อาคาร หรือที่พักอาศัยต่าง ๆ เพื่อดึงธรรมชาติเข้าหาตัว ทดแทนพื้นที่สีเขียวที่ค่อยๆลดลงไปทุกที รวมถึงเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้บริเวณนั้นด้วย Phuket Villas

วิธีปลูกต้นไม้ในบ้าน

เราสามารถจัดสวนกระถางที่ประดับในอาคารให้สวยได้ไม่แพ้สวนที่ปลูกต้นไม้ลงดินในพื้นที่กลางแจ้ง คุณอาจเลือกกระถางใหญ่ที่ปลูกไม้พุ่มรวมกันได้หลายชนิด หรือจัดวางให้ดูเป็นธรรมชาติด้วยการเล่นระดับสูง – ต่ำ เพียงเท่านี้ก็มีพื้นที่สีเขียวไว้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจแล้วล่ะครับ แต่ด้วยสภาพแสง อุณหภูมิ และความชื้นที่แตกต่างกับการจัดสวนกลางแจ้ง วันนี้ น้องตี้ ภูเก็ต วิลล่า จึงนำเคล็ดลับมาบอกเล่าครับ มีเทคนิคอย่างไรไปดูกัน

1.เลือกขนาดกระถางให้เหมาะกับต้นไม้

การปลูก ต้นไม้ในอาคาร ควรคำนึงถึงการเลือกภาชนะปลูกต้นไม้ที่มีขนาดเหมาะสมกับพืชที่จะนำมาปลูก หากภาชนะที่ใช้เล็กเกินไปอาจทำให้รากเบียดกันแน่นในกระถาง จนทำให้ต้นไม้แคระแกร็นหรือเจริญเติบโตได้ไม่ดีนัก ซึ่งขนาดของกระถางโดยทั่วไปจะใช้ ตั้งแต่ 6, 8 ,10 จนถึง 12 นิ้ว เริ่มปลูกต้นเล็กในกระถางขนาดเล็กก่อน รอจนต้นโตจึงค่อยเปลี่ยนขนาดกระถางตามลำดับ หากใช้กระถางใบใหญ่เกินไปก็จะทำให้สูญเสียธาตุอาหารไปโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นไม้ประดับที่อยู่ในกระถางจึงเน้นความสวยงามเป็นหลัก จะเลือกปลูกต้นเดียวในหนึ่งกระถางเพื่อให้ต้นไม้เจริญเติบโตได้ฟอร์มตามที่ต้องการ หรือปลูกไม้พุ่มเล็กหลายๆต้นรวมกับไม้ลำต้นเดี่ยวตั้งตรงในกระถางใบเดียวก็ดูสวยงามไม้แพ้กัน

2.ให้น้ำตามความต้องการพืช

ต้นไม้จำเป็นต้องได้รับน้ำอย่างเพียงพอในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะน้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการเจริญเติบโต สำหรับไม้ในอาคารควรรดน้ำให้ดินพอชุ่มชื้น ระวังอย่าให้เปียกหรือเฉอะแฉะจนเกินไป ยกเว้นพืชบางชนิดที่ต้องการน้ำน้อย เช่น ซัคคิวเลนท์ อากาเว่ ฮาเวอร์เทีย สภาพแวดล้อมภายในอาคารอาจส่งผลให้การระเหยหรือคายน้ำของพืชช้ากว่าการปลูกในสภาพแวดล้อมปกติ ถ้าหากปล่อยให้ดินมีน้ำขังนานๆอาจส่งผลให้รากขาดอากาศหายใจ พืชจึงอ่อนแอต่อโรคและแมลง เป็นเหตุให้เกิดอาการรากเน่า โคนเน่า และตายในที่สุด สิ่งสำคัญคือการเลือกใช้กลุ่มพรรณไม้ที่เหมาะกับสภาพแวดล้อม เพื่อง่ายต่อการดูแล ส่วนปริมาณการให้น้ำนั้นมีปัจจัยประกอบหลายอย่าง ทั้งความต้องการน้ำของพืชแต่ละชนิด การดูดซับน้ำของวัสดุปลูก การระบายน้ำของวัสดุปลูกและภาชนะ ความชื้นในอากาศ และอุณหภูมิในแต่ละวัน

TIPS สัญญาณเหล่านี้บอกให้คุณรู้ว่าพืชกำลังขาดน้ำ ถ้าปล่อยไว้นานอาจยากเกินเยียวยา

  • ใบเจริญเติบโตช้า
  • ใบจะเริ่มบางและโปร่งแสง
  • ใบหรือดอกค่อยๆร่วงโรย
  • ขอบใบเหลืองหรือเป็นสีน้ำตาล
  • ใบที่อยู่ล่างๆจะหงิกและเหลือง

3.ดินดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

การปลูกพืชในกระถาง รากพืชจะถูกจำกัดขอบเขตให้อยู่เฉพาะภายในกระถางเท่านั้น ดังนั้นเพื่อให้พืชเจริญเติบโตได้ดี ดินหรือวัสดุปลูกจะต้องมีคุณสมบัติ ดินโปร่งร่วน น้ำหนักเบา ระบายน้ำได้ดี อากาศถ่ายเทได้สะดวก ดูดซับน้ำ มีธาตุอาหารที่พืชต้องการสมบูรณ์ ไม่มีความเป็นกรดเป็นด่างมากเกินไป แน่นพอที่จะยึดให้ลำต้นทรงตัวอยู่ได้ และไม่มีสารเคมีที่เป็นพิษต่อรากพืชเจือปนอยู่

4.รับแสงจากริมหน้าต่าง

แสงเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญต่อพืชเป็นอย่างมากเพื่อนำไปใช้ในการสังเคราะห์แสง ซึ่งจะได้แป้งและน้ำตาลมาใช้ในการดำรงชีวิต พืชแต่ละชนิดต้องการแสงไม่เท่ากัน สังเกตได้จากพืชชนิดใดที่มีใบสีเขียวมาก จะสังเคราะห์แสงได้มากกว่าพืชทีมีใบสีเขียวน้อยหรือสีอื่นที่ไม่ใช่สีเขียว โดยแบ่งความต้องการแสงของพืชออกเป็น 3 กลุ่ม คือ

  • กลุ่มที่ต้องการแสงน้อย กลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นไม้ประดับในร่มที่ปลูกใน บ้าน หรือภายในอาคาร สำนักงาน ที่มีแสงแดดน้อย ได้แก่ หน้าวัว ลิ้นมังกร พลูด่าง แก้วหน้าม้า หน้าวัว จั๋ง เขียวหมื่นปี แอฟริกันไวโอเล็ต บอนสี เงินไหล เปเปอโรเมีย ฟิโลเดนดรอน ปาล์มไผ่
  • กลุ่มที่ต้องการแสงปานกลาง กลุ่มนี้ต้องปลูกประดับไว้ในห้องตั้งใกล้ๆกับหน้าต่าง ประตู หรือระเบียงที่แดดส่องถึง โดยเฉพาะในตอนเช้าและตอนบ่าย เช่น ปริก เศรษฐีไซ่ง่อน หนวดปลาหมึกแคระ อากาเว่ สนฉัตร ฤๅษีผสม
  • กลุ่มที่ต้องการแสงมาก พืชในกลุ่มนี้จัดเป็นพืชกลางแจ้งที่นิยมปลูกไว้นอกอาคาร หรือปลูกตามสนามหญ้า ต้องการแสงแดดจัดตลอดทั้งวัน เช่น โกสน เล็บครุฑ หมากเหลือง หมากแดง วาสนา

วิธีดูแลต้นไม้ในบ้าน

การปลูก ต้นไม้ปลูกในบ้าน ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ต้องเข้าใจการเลือกใช้ต้นไม้ให้เหมาะสม โดยส่วนใหญ่แล้ว ต้นไม้ในบ้าน หรือในอาคารมักจะได้รับแสงน้อย พรรณไม้ที่ชอบร่มจึงเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่ควรจะลองหยิบมาปลูกในบ้าน ส่วนจะมี วิธีดูแลต้นไม้ในบ้าน อย่างไรนั้น ตามไปหาคำตอบด้วยกัน

  • ต้นไม้ในบ้าน อย่ารดน้ำบ่อยเกินไป รู้ไหมว่าสาเหตุหลักที่ต้นไม้ใน บ้าน ตายเกิดจากการรดน้ำมากเกินไปมากกว่าขาดน้ำ ทำให้ต้นไม้เกิดอาการเน่าได้ง่าย ต้นไม้ที่ปลูกในบ้านมีการคายน้ำน้อย และสูญเสียน้ำไม่เท่าต้นไม้ที่ปลูกด้านนอก ดังนั้นการรดน้ำต้นไม้ควรรดเมื่อวัสดุปลูกเริ่มแห้งประมาณสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอ
  • หมั่นนำออกไปรับแสงบ้าง แม้ว่าต้นไม้ที่เราปลูกจะเป็นพรรณไม้ที่ชอบร่ม แต่หากบริเวณที่ปลูกอับแสง นาน ๆ ครั้งก็ควรนำต้นออกไปรับแสงด้านนอกบ้าง โดยค่อย ๆ ให้ต้นได้รับแสงทีละนิด ไม่นำออกไปไว้บริเวณที่แดดจัดทันทีเพราะอาจจะเกิดอาการใบไหม้ได้ หากอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมก็อาจจะตอยขยับต้นไม้ไปไว้บริเวณระเบียง หรือมีต้นไม้ 2 ชุดสลับหมุนเวียนมาไว้ใน บ้าน
  • เลือกต้นไม้ดีก็มีชัย อย่างที่เกริ่นนำไปตั้งแต่แรกว่าควรต้นไม้ชนิดที่ชอบร่มมาปลูกใน บ้าน ยกเว้นบริเวณนั้นอยู่ใกล้ประตู หน้าต่างที่ได้รับแสงเต็มที่ก็สามารถเลือกต้นไม้ที่ชอบแดดเพิ่มขึ้นมาก็ได้ สำหรับพรรณไม้ที่ทนร่มได้ดี และนิยมใช้ในบ้าน ได้แก่ พลูชนิดต่าง ๆ ทั้งพลูด่าง พลูงาช้าง พลูปีกนก พลูสนิม พลูฉลุ ฟิโลเดนดรอน มอนสเตอรา ไทรใบสัก ยางอินเดีย บีโกเนีย กวักมรกต เป็นต้น
  • ตรวจสอบต้นไม้ก่อนนำเข้ามาในบ้าน ต้นไม้ที่ปลูกไม่ควรมีโรค แมลง หรือไข่แมลงติดเข้ามา เพราะอาจจะระบาดไปยังต้นอื่นได้ หากพบแมลงระบาดให้แยกเฉพาะต้นนั้นออกมาไว้ด้านนอก นำมาล้างแมลงที่ติดอยู่ให้หมด และใช้สารกำจัดแมลงที่ปลอดภัยร่วมด้วย เช่น สมุนไพรสกัด แต่หากต้องการเห็นผลรวดเร็วให้ใช้ สตาเกิล จี จาก โซตัส ลักษณะเป็นเกล็ดสีทับทิมโรยบริเวณโคนต้น จะเห็นว่าแมลงต่าง ๆ ที่มารบกวน เช่น เพลี้ย จะค่อย ๆ หายไป ทั้งยังปลอดภัยต่อคนและสัตว์เลี้ยงจึงหมดกังวลได้ เมื่อต้นไม้กลับมาสวยดังเดิมแล้วค่อยย้ายกลับเข้ามาใน บ้าน
  • เติมอาหารให้ต้นไม้ ต้นไม้ที่ปลูกใน home มาระยะเวลาหนึ่งมักจะไม่สวยสดใสเท่าเดิม เนื่องจากธาตุอาหารในดินถูกใช้ไป วัสดุปลูกบางส่วนก็ย่อยสลายทำให้ดินในกระถางยุบตัว ดังนั้นจึงควรสังเกตว่าหากวัสดุปลูกเริ่มพร่องลงให้ เติมวัสดุปลูกใหม่ ๆ และใส่ปุ๋ยคอกเก่าลงไปเพื่อเพิ่มธาตุอาหารให้พืช รวมทั้งควรใส่ปุ๋ยเพิ่มเติมทั้งทางดินและทางใบ อาจจะใช้ปุ๋ยละลายช้า ออสโมโค้ท สูตร 13-13-13 จาก โซตัส ใส่ 3 เดือนครั้ง คุณสมบัติของปุ๋ยที่ค่อยๆปลดปล่อยธาตุอาหารออกมาทีละน้อยอย่างช้า ๆ ทำให้ต้นไม้ได้รับธาตุอาหารสม่ำเสมอ จึงไม่เป็นอันตรายต่อพืช เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลต้นไม้บ่อย ๆ
ปลูกต้นไม้ในบ้านอย่างไรให้รอด

ข้อดีของการปลูกต้นไม้ภายในบ้าน

บรรเทาความเครียดจากการทำงาน
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยประจำชาติเกาหลีใต้แสดงให้เห็นว่า สีเขียวจากต้นไม้ภายใน บ้าน ช่วยทำให้รู้สึกโล่งโปร่งและสบายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากการทำงานหนักเป็นเวลานาน พวกเขาพบว่าการมีต้นไม้วางไว้ข้างโต๊ะทำงานหรือบริเวณทางเดินภายในบ้านช่วยลดความเครียดจากการทำงาน โดยเฉพาะการทำงานผ่านคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานติดต่อกัน ซึ่งมักก่อให้เกิดการเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้น หรือความดันเลือดที่เพิ่มสูงขึ้น

สีสันที่สวยงามของต้นไม้ชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะไม้ดอกที่มีสีม่วงอย่าง แอฟริกันไวโอเลต ลาเวนเดอร์ แววมยุรา และกล้วยไม้พันธุ์แวนด้า จะทำให้บรรยากาศรอบ บ้าน ดูเงียบสงบ สร้างสมาธิให้กับผู้อยู่อาศัย ช่วยกระตุ้นการหลั่งสารอะดรีนาลีนหรือสารแห่งความสุขที่จะทำให้ร่างกายผ่อนคลาย สมองปลอดโปร่ง เพิ่มพลังงานในร่างกาย และทำให้ออกซิเจนไหลเวียนได้ดีขึ้น จึงเป็นข้อสรุปที่ว่า การทำงานโดยมีต้นไม้วางไว้อยู่ใกล้ตัวช่วยลดความเครียดที่เกิดกับทั้งทางกายและจิตใจได้เป็นอย่างดี

กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์
ความคิดสร้างสรรค์สามารถผลิตได้ตลอดเวลา แต่เมื่อไรที่ขาดไปก็ไม่ต้องกังวล แค่หาต้นโกสนมาปลูกไว้ใน บ้าน หรือห้องทำงาน สีสันของใบโกสนจะช่วยกระตุ้นพลังงานและจุดประกายไอเดียใหม่ ๆ ให้กับคุณได้

ช่วยลดการเกิดอาการภูมิแพ้
อาการภูมิแพ้เกิดจากหลากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะฝุ่นนี่แหละค่ะที่ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ง่ายกว่าปัจจัยอื่น ๆ ดังนั้นลองหาต้นไม้ปลูกในอาคาร อย่าง เศรษฐีเรือนในหรือเศรษฐีเรือนนอกมาปลูกไว้ใน บ้าน เพราะมันจะช่วยดูดซับฝุ่นควันไว้ที่ใบของมัน แถมยังมีคุณสมบัติที่ช่วยกำจัดสารพิษในอากาศได้มากถึง 90% เลยทีเดียว

ต้นไม้ (อาจ) ช่วยให้คุณหายป่วยเร็วขึ้น
การได้มองต้นไม้หรือดอกไม้อาจช่วยลดเวลาที่คุณต้องอยู่กับอาการป่วย ซึ่งรวมถึงอาการบาดเจ็บและการพักรักษาตัวจากการผ่าตัดด้วย งานวิจัยเมื่อนานมาแล้วเผยให้เห็นว่า ผู้ป่วยใช้เวลาพักฟื้นจากการผ่าตัดน้อยลง รวมถึงไม่ต้องใช้ยาระงับอาการปวดและใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลน้อยลงกว่าผู้ที่ไม่ได้มองพืชพรรณต่างๆ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยชิ้นนี้ทำการศึกษาการมองต้นไม้และดอกไม้ของผู้ป่วยภายในโรงพยาบาลเท่านั้น ไม่เจาะจงการมองต้นไม้ภายในบ้านแต่อย่างใด เพียงแต่พวกเขามีมุมมองว่าคุณประโยชน์เหล่านี้น่าจะเกิดขึ้นกับที่ บ้าน ได้เช่นกัน