ทาสีบ้าน

ทาสีบ้าน
ทาสีบ้าน

ทาสีบ้าน

ทาสีบ้าน เมื่อเริ่มเข้าสู่หน้าหนาว..งานปรับปรุงบ้านยอดฮิตในช่วงนี้คงหนีไม่พ้น ‘การทาสี’เพราะเป็นช่วงที่ไม่มีน้ำฝนจากท้องฟ้ามาคอยกวนใจ และยังเป็นช่วงที่อุณหภูมิเหมาะสม อากาศไม่ร้อนเกินไป ความชื้นในอากาศไม่สูงมาก รวมถึงเป็นช่วงที่เหมาะกับการปรับปรุงบ้านเพื่อต้อนรับสิ่งดี ๆ ในปีใหม่ ที่ใกล้จะมาถึงอีกด้วย! หลายคนอาจมองว่าการทาสีห้องใหม่ให้บ้านตัวเองนั้น อาจเป็นเรื่องที่ทำได้ยากและแลดูวุ่นวาย วันนี้เราจะมาแชร์วิธีการทาสี บ้าน สำหรับมือใหม่สาย DIY ที่ต้องการสร้างสรรค์ผนังบ้านด้วยตัวเองแบบง่าย ๆ ให้สวยงามไม่แพ้ช่างมืออาชีพมาฝากกัน จะเป็นยังไง ไปดูกันเลย!

ทาสีบ้านด้วยตัวเอง

สำหรับ การทาสีภายในบ้าน หลายคนอาจยกให้เป็นหน้าที่ของช่าง อาจจะด้วยเพราะความไม่เชี่ยวชาญ กลัวว่าสีที่ทาจะไม่เสมอกัน และกลัวจะเลอะเทอะเสื้อผ้า (ซึ่งมันเลอะแน่นอน) แต่การจ้างช่างทาสี ย่อมมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายราคาแพง เพราะนอกจากจะต้องเสียเงินค่าของแล้ว เรายังต้องเสียค่าแรงให้กับช่างอีกด้วย แต่ถ้าหากเราทำเอง มันก็ช่วยประหยัดงบประมาณลงไปได้อย่างมากเลยล่ะ

สีทาบ้าน เมื่อใช้ไปนาน ๆ ก็ย่อมมีการเสื่อมเป็นธรรมดาอยู่แล้ว บ้านที่หลังใหญ่หรือว่าบ้านที่พอมีทุนในการซ่อมแซม ก็อาจจะจ้างช่างมาช่วยทาสีใหม่ แต่บ้านไหนที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย แต่อยากจะให้บ้านของตัวเองสวยงามเหมือนเดิม แทนที่จะจ้างช่างมาทาสีให้ ก็อาจจะลงมือทาด้วยตัวเองก็ได้ ซึ่งความจริงแล้วก็ไม่ได้ยากเกินไปสำหรับการทาสี บ้าน

เพียงแต่ว่าก่อนที่จะลงมือทำ เราควรรู้จักเกี่ยวกับขั้นตอนของการทาสี ชนิดของสีที่เลือกใช้ก่อนว่าใช้อย่างไร รวมถึง ราคาด้วย ที่ถือว่าจำเป็นสำหรับการทาสีใหม่ของผนังบ้านเรา ดังนั้นเราจะมาดูว่าขั้นตอนในการทาสีด้วยตัวเองนั้นมีอะไรบ้าง เผื่อท่านใดที่กำลังอยากปรับปรุงบ้านอยู่ จะได้เอาไปใช้ได้ทันที

เช็คผนังของบ้านคุณ

เริ่มที่ขั้นตอนแรกสุด คือ คุณต้องทราบก่อนว่าพื้นผิวของผนังบ้านที่จะทาเป็นแบบไหนผนังเก่า

  • ผนังใหม่
  • ผนังภายใน
  • ผนังภายนอก

เพราะว่าการทาสีผนังบ้านเก่ากับบ้านใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จ จะมีวิธีการเตรียมพื้นผิว และใช้ผลิตภัณฑ์ทาสีที่แตกต่างกัน รวมถึงการทาสีภายใน หรือภายนอกจะใช้สีที่มีคุณสมบัติเฉพาะที่แตกต่างกัน

ยกตัวอย่างเช่น สีภายนอกจะเน้นไปที่ความทนทานต่อสภาพอากาศ แต่สีภายในจะเน้นเรื่องการทำความสะอาดง่าย ปลอดกลิ่นและสารเคมีต่างๆ เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันสีทาบ้านก็มีนวัตกรรมที่เราสามารถใช้สีทาบ้านได้ทั้งภายในและภายนอกให้เลือกซื้อกันแล้ว ง่ายและสะดวกสุดๆ ไปเลย เช่น TOA Supershield Titanium, BegerCool DiamondShield 15 เป็นต้น home

ถึงแม้ว่านวัตกรรมสมัยใหม่จะมีทางเลือกสีที่ใช้ได้ทั้งภายนอกและภายใน แต่เราแนะนำว่าให้เลือกใช้สีที่เหมาะสมกับพื้นที่นั้น ๆ จะดีที่สุดครับ!

เตรียมอุปกรณ์ทาสีต้องใช้อะไรบ้าง?

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมนอกจากสีทับหน้าและสีรองพื้น ได้แก่

  • ลูกกลิ้งทาสี : ใช้สำหรับทาบริเวณพื้นที่กว้างๆ โดยส่วนใหญ่ลูกกลิ้งมีขนาดให้เลือกตามความเหมาะสม 10, 7 เเละ 4 นิ้ว
  • ด้ามต่อลูกกลิ้ง : ใช้สำหรับทาสีในจุดที่อยู่สูงมาก โดยไม่สามารถเอื้อมมือทาถึงได้
  • แปรงทาสี : ใช้สำหรับเก็บรายละเอียดงานทาสีตามขอบมุม มีให้เลือกใช้ตามขนาดตั้งแต่ 1-5 นิ้ว
  • ถังสี : ใช้สำหรับเเบ่งสีจากถังหลักออกมาใช้
  • ผ้าใบปูพื้น : ใช้สำหรับป้องกันสีหยดที่พื้น
  • เทปกาว : ที่ใช้สำหรับป้องกันพื้นที่มุมขอบบริเวณต่าง ๆ เช่น ขอบประตู, ขอบหน้าต่าง หรือเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น โดยเลือกแบบที่ไม่ทิ้งคราบกาวไว้ และเมื่อทาสีเนื้อสีจะต้องไม่ซึมเข้าไปข้างใน
  • เกรียง (สำหรับผนังเก่า) : อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับแซะปูนเก่า เกลี่ยรอยโป๊ว ขึ้นลายสี
  • กระดาษทราย : ใช้สำหรับขัดเตรียมพื้นผิวให้เรียบเนียนก่อนทาสีรองพื้น

เตรียมพื้นผิวก่อนเริ่มทาสี

จากที่กล่าวไปข้างต้นว่า การเตรียมพื้นผิวสำหรับผนังใหม่ และผนังเก่านั้นมีความแตกต่างกัน

  1. ผนังใหม่ : เช็คค่าความชื้นให้ดีก่อน ด้วยเครื่องวัดความชื้น Protimeter ซึ่งค่าที่เหมาะสมจะอยู่ระหว่าง 14-16%
  2. ผนังเก่า : ต้องจัดการปัญหาของผนังเก่าให้เรียบร้อยก่อน โดยแบ่งออกดังนี้
  • สีเก่าหลุดล่อน ให้ทำการแซะลอกสีเก่าด้วยเกรียงออกก่อนให้เรียบร้อย
  • รอยแตก รอยร้าว อุดโป๊วรอยร้าวนั้นให้เรียบร้อย พร้อมขัดด้วยกระดาษทรายให้พื้นผิวเรียบเนียนก่อนทาสีรองพื้น
  • เชื้อรา ตะไคร่น้ำ คราบเกลือ ขัดล้างทำความสะอาด และปล่อยให้พื้นผิวแห้งอย่างน้อย 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นควรทาด้วยน้ำยากำจัดเชื้อราตะใคร่น้ำ เพื่อป้องกันการเกิดคราบในระยะยาว

ทาสีรองพื้น หรือ Primer

ก่อนที่จะทาสีรองพื้นคุณควรปูผ้าใบรองพื้นให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันสีหยดตามพื้น และทำการใช้เทปกาวป้องกันพื้นที่มุมขอบบริเวณต่าง ๆ ทำไมต้องทาสีรองพื้น? สีรองพื้นเป็นสีชั้นแรกที่ใช้ทาบนผนังก่อนลงสีทับหน้า เพียง 1 ครั้งก็เพียงพอแล้ว ซึ่งจะช่วยป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับพื้นผิว เช่น เชื้อรา สีซีดหลุดล่อน และจะช่วยยืดอายุสีให้ติดแน่น อยู่ทนนาน สีดูสดใหม่ได้นานกว่าเดิม หลักในการเลือกสีรองพื้นมี 2 ข้อ ดังนี้ ราคาสีทาบ้าน

1) การทาสีรองพื้น ต้องดูสภาพปูนของบ้านคุณก่อน

  • บ้านปูนเก่าอายุ 5 ปีขึ้นไป > ควรเลือก สีรองพื้นปูนเก่า
  • บ้านปูนใหม่อายุ 1 – 2 เดือน > ควรเลือก สีรองพื้นปูนใหม่
  • บ้านปูนสดที่เพิ่งฉาบปูนเสร็จใน 2 – 5 วัน > ควรเลือกสีรองพื้น Quick Primer ซึ่งสามารถบนพื้นผิวที่มีความชื้นสูงกว่ามาตรฐานได้เป็นอย่างดี

2) เลือกสูตรสีรองพื้น

  • สีรองพื้นสูตรน้ำ : กลิ่นอ่อนไม่ฉุน เหมาะกับผนังภายใน ใช้งานง่ายกว่า แห้งเร็วกว่า ทาสีทับหน้าได้เร็วกว่า 
  • สีรองพื้นสูตรน้ำมัน : มีกลิ่นที่ฉุนกว่า แต่ประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับสูตรน้ำ ‘สูตรน้ำมัน’ จะมีคุณภาพมากกว่า จึงเหมาะกับผนังภายนอกมากกว่า
  • สีรองพื้นแบบสีใส : เหมาะกับพื้นผิวที่สีเก่าไม่มีปัญหาอะไร 
  • สีรองพื้นแบบสีขาว : เหมาะกับผู้ที่ต้องการจะกลบรอยปัญหาต่างๆ จากพื้นผิวเดิม สามารถเลือกได้ตามสภาพผิวเลยครับ

ทาสีทับหน้า

ในขั้นตอนนี้ถือว่าเป็น ขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เพราะการเตรียมการทั้งหมดที่กล่าวมานั้นก็เพื่อให้ขั้นตอนนี้มีประสิทธิภาพ ให้การทาสีห้องของคุณออกมาดีที่สุดนั่นเอง “คุณควรทำการทาสีทับหน้า 2 ครั้ง เพื่อให้การทาสีมีคุณภาพมากที่สุด” เมื่อทาสีรองพื้นทิ้งไว้อย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงแล้ว จึงค่อยทำการทาสีทับหน้าที่คุณได้เตรียมไว้ 1 ครั้งก่อน โดยทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง แล้วทาสี บ้าน ในครั้งที่ 2 ทับไปอีกครั้ง

เก็บรายละเอียดงานให้เรียบร้อย

เมื่อสีทับหน้าที่ทาไว้ได้แห้งสนิทแล้ว ให้ลอกเทปกาวออก และทาสีเก็บมุมขอบต่าง ๆ ให้เรียบร้อยเพื่อให้งานออกมาเนี๊ยบที่สุด ในที่สุดคุณก็จะได้ห้องใหม่ ในสไตล์ที่ใช่ ด้วยฝีมือการทาสีของตัวเอง ได้เก็บไว้เป็นความทรงจำ ซึ่งการทาสีบ้าน เป็นสิ่งที่คุณเองก็สามารถทำได้ เพียงแค่ต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สีให้ถูกประเภท และต้องเข้าใจกระบวนการ เข้าใจขั้นตอนการทาสีที่ถูกต้อง

ทาสีบ้าน

แนะนำเพิ่มเติมในการทาสี

ผนังปูนเพิ่งฉาบเสร็จต้องทิ้งไว้นานแค่ไหนจึงทาสีได้
พื้นผิวปูนใหม่ต้องทิ้งไว้ให้แห้งอย่างน้อยหนึ่งเดือน หรือนานกว่านั้นยิ่งดีเพื่อให้แน่ใจว่าพื้นผิวที่จะทาสีแห้งสนิท(มีความชื้นในผนังน้อยมาก) แล้วจึงทำความสะอาดพื้นผิวให้ปราศจากฝุ่น เศษปูนและคราบไขมัน จากนั้นทาน้ำยารองพื้นปูนใหม่ 1 เที่ยวเพื่อช่วยป้องกันความเป็นด่างของปูน และทาสีน้ำอะคริลิกสำหรับงานภายในหรือภายนอกอีก 2 เที่ยวเพื่อความคงทนและสวยงาม

ทาสีทับผนังปูนเดิมที่ผ่านการทาสีมาแล้วได้เลยหรือไม่
ผนังปูนเก่าคือผนังฉาบปูนที่ผ่านการทาสีมาแล้วหรือทิ้งไว้นานแล้ว หากพื้นผิวเดิมอยู่ในสภาพดีก็สามารถทาสีทับได้เลยแต่ถ้าสีเดิมเสื่อมสภาพ มีการหลุดล่อนหรือลูบแล้วเป็นฝุ่น ให้ขัดล้างสีเดิมออกให้ได้มากที่สุดด้วยแปรงพลาสติก(ไม่ควรใช้แปรงลวดเพราะจะทำให้ผนังเป็นรอยหรือเกิดคราบสนิม) พร้อมทั้งซ่อมแซมรอยแตกร้าวด้วยอะคริลิกโป๊ผนัง แล้วจึงทาน้ำยารองพื้น สำหรับปูนเก่า 1 เที่ยวเพื่อช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะ จากนั้นทาสีน้ำอะคริลิกทับหน้าอีก 2 เที่ยว

สีน้ำอะคริลิกมีตั้งหลายชนิดจะเลือกอย่างไรดี

1. เลือกคุณภาพสี โดยทั่วไปสีจะแบ่งเป็น 3 เกรดคือ เกรดพิเศษ (Premium) อายุการใช้งาน 10 ปีขึ้นไปเกรดมาตรฐาน(Standard)อายุการใช้งานประมาณ 5 ปี และเกรดประหยัด(Economy)อายุการใช้งาน 2 -5 ปี ซึ่งมีราคาแตกต่างกันไปตามคุณสมบัติเด่นเฉพาะตัวของแต่ละผลิตภัณฑ์ แต่ขอแนะนำว่าจะทาสี บ้าน ทั้งทีไม่ควรเน้นแต่สีราคาถูก เพราะทาไปไม่นานก็ต้องมาแก้ไขทาใหม่ให้วุ่นวาย จึงควรใช้สีคุณภาพเกรดพิเศษ หรือเกรดมาตรฐาน แม้จะมีราคาสูงกว่า แต่ก็คุ้มค่าในระยะยาว

2. เลือกคุณสมบัติพิเศษ ปัจจุบันบ้านเรามีผลิตภัณฑ์สีที่มีคุณสมบัติใหม่ๆมากมาย เช่น

  • สีเช็ดล้างทำความสะอาดได้ ฟิล์มสีมีความทนทานและไม่ทิ้งรอยด่างภายหลังการทำความสะอาดรอยเปื้อนบนผนังสามารถป้องกันและยับยั้งการเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย จึงเหมาะกับการทาภายในบ้านที่เน้นความสะอาดหรือบริเวณที่เปื้อนง่าย
  • สียืดหยุ่นสูง เหมาะกับงานทาภายนอกบ้านที่ต้องโดนแสงแดดเป็นประจำ หรือใช้ทาภายในเพื่อปกปิดรอยแตกลายงาได้อย่างเรียบเนียน
  • สีกันความร้อน ที่มีคุณสมบัติเหมือนฟิล์มกรองแสงช่วยสะท้อนความร้อน ทำให้บ้านเย็น

และสีที่รวมคุณสมบัติเด่นหลายอย่างมาไว้ด้วยกัน ซึ่งมักมีคำว่า“All”เหมาะกับบ้านที่เน้นการปกป้องเป็นพิเศษ หรือใช้แก้ไขปัญหาหลายอย่างได้อย่างครอบคลุม แต่ราคาก็จะแพงขึ้นตามคุณภาพ home