กระเบื้องปูพื้นภายนอก

กระเบื้องปูพื้นภายนอก
กระเบื้องปูพื้นภายนอก

กระเบื้องปูพื้นภายนอก

กระเบื้องปูพื้นภายนอก สำหรับบางบุคคล บ้าน บางทีอาจเป็นเพียงแค่ ‘ที่พักที่อาศัย’ ก็เลยทำให้การแต่งบ้านบางทีอาจเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญหรือถูกละเลยไป เนื่องจากว่าฟังก์ชันของบ้านถูกดูแค่เพียงเพื่อพักอาศัยจริง ๆ

แต่ว่าสำหรับบางบุคคล บางทีอาจมิได้คิดว่าบ้านเป็นเพียงแค่ที่พักอาศัย แต่ว่ามองดูเป็นถึง ‘พื้นที่ดำรงชีวิต’ บ้านก็เลยมีฟังก์ชันมากยิ่งกว่านั้น ดังเช่นมีไว้ในการพักในวันหยุด สำหรับในการใช้เวลาดีๆร่วมกับคนที่อาศัยอยู่ภายในครอบครัว หรือช่วยปลุกพลังสำหรับการดำรงชีวิตให้ลุกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน สภาพแวดล้อมรวมทั้งบรรยากาศด้านในภายที่เกิดขึ้นมาจากการตกแต่งรวมทั้งวางแบบ ก็เลยเป็นสิ่งที่แฟนบ้านให้ความเอาใจใส่อย่างยิ่ง ดังนั้นผู้ที่ให้ความสำคัญจึงมักจะสรรหาสิ่งอื่น ๆ ที่มาตกแต่งบ้าน ทำให้บ้านดูดีขึ้น และน่าอยู่มากยิ่งขึ้น

วัสดุสำหรับปูพื้นตกแต่งสวนภายนอกที่เป็นแผ่นสำเร็จรูปจริง ๆ ภูเก็ต วิลล่า แล้วมีอยู่หลายประเภท ซึ่งวัสดุปูพื้นชนิดสำเร็จรูปที่พบในท้องตลาดแบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ ได้แก่ บล็อกปูพื้น และกระเบื้องปูพื้น เชื่อว่าหลายๆคนคงมีความสงสัยว่ามันแตกต่างกันอย่างไรเราจะมาทำความรู้จักกับวัสดุทั้ง 2 ชนิด ให้มากขึ้นเพื่อให้สามารถเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับพื้นที่

กระเบื้องปูพื้นภายนอก

กระเบื้องปูภายนอก (Exterior Tiles)


ตกแต่งบริเวณนอกบ้านให้สวยงามด้วย กระเบื้องปูภายนอก ซึ่งมีหลากหลายประเภท ทั้งกระเบื้องเซรามิก กระเบื้องแกรนิโต้ กระเบื้องเกลซพอร์ซเลน ที่ออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับปูพื้นและปูผนังภายนอกโดยเฉพาะ สามารถประยุกต์ใช้ตกแต่งบริเวณทางเดิน ระเบียง ที่จอดรถ และบริเวณภายนอกอื่นๆ ได้ โดยกระเบื้องปูภายนอกคุณภาพดีจะต้องมีความทนทานต่อสภาพอากาศ ทนแดดและทนฝนได้ดี มีความแข็งแรงทนทาน รองรับน้ำหนักได้ดี ไม่แตกหักเปราะง่าย ผิวหน้ากระเบื้องป้องกันการลื่นล้ม ทำความสะอาดง่าย รวมทั้งมีสีสันและลวดลายสวยงามเป็นธรรมชาติกลมกลืนไปกับตัวบ้าน
ข้อพิจารณาในการเลือกกระเบื้องภายนอก

กระเบื้องปูพื้นภายนอก

“บล็อกปูพื้น” หรือที่หลายๆคนเรียกกันจนติดปากว่า บล็อกตัวหนอน หรือ อิฐตัวหนอน ผลิตจากคอนกรีต โดยมี หิน ปูน ทราย เป็นองค์ประกอบหลัก ก้อนบล็อกปูพื้นประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่ ชั้นตัวก้อนเป็นส่วนล่าง และชั้นผิวหน้าหรือชั้นสี เป็นชั้นส่วนผิวหน้า ตามมาตรฐานของเอสซีจีจะผสมสีในเนื้อคอนกรีตและชั้นผิวหน้ามีความหนาประมาณ 4 มม.

จึงทำให้สีมีความคงทน ชั้นผิวหน้ามีความหนาประมาณ 4 มม. ผลิตโดยระบบ Dry Process HOME IN PHUKET ด้วยเครื่องจักรกำลังอัดสูง จึงมีความแข็งแรงสามารถรับน้ำหนักได้สูง ถึง350 KSC (กิโลกรัม/ลูกบาศก์เซนติเมตร)

มีขนาดตั้งแต่ 8×8 เซนติเมตร จนถึงขนาดใหญ่ 40×80 เซนติเมตร ความหนาของบล็อกปูพื้นมีตั้งแต่ 6-12 เซนติเมตร และมีรูปทรงของตัวก้อนหลากหลายโดยส่วนใหญ่จะใช้เรียงต่อกันจนเกิดเป็น pattern ลวดลายที่สวยงาม และยังมีรุ่นอื่นที่ออกแบบมาให้สามารถปลูกหญ้า หรือ มีคุณสมบัติในการ ลดความร้อน อย่างเช่น รุ่น พูลวิลล่า ภูเก็ต Cool Plus และน้ำสามารถไหลผ่านได้ระบายน้ำเร็วอย่าง porous block ของ เอสซีจี

กระเบื้องปูพื้นภายนอก

สีสันและผิวหน้าของบล็อกปูพื้น ผิวหน้าจะมีความละเอียดน้อยกว่ากระเบื้องซีเมนต์ปูพื้นเนื่องจากกรรมวิธีการผลิตแบบ Dry Process และส่วนใหญ่ใน 1 ก้อนจะมีสีเดียวทั้งก้อน Single Tone

ไม่มีการทำลวดลายจากสี โดย เอสซีจีได้มีการออกแบบและพัฒนาผิวหน้าของก้อนบล็อกปูพื้น ให้มีความหลากหลาย เช่น ผิวหน้ามีความขรุขระแหมือนผิวหินในรุ่น Rocky Block หรือมีผิวหน้าโชว์เม็ดหินคล้ายกรวดล้างในรุ่น Sakura block และ Laguna Maldives

สรุปข้อดีและข้อด้อยของบล็อกปูพื้น

ข้อดี
– แข็งแรงทนทานอายุการใช้งานยาวนาน
– สามารถรับน้ำหนักได้มาก จึงใช้งานหนัก ๆ อย่าง เช่น ถนนได้
– มีรูปทรงหลากหลายสามารถสร้าง Pattern ลวดลายได้ไม่จำกัด
– มีบล็อกที่มีคุณสมบัติพิเศษให้เลือกใช้ เช่น ปลูกหญ้าได้ ช่วยลดอุณหภูมิได้
– สามารถรื้อปรับปรุงซ่อมแซมพื้นทางได้โดยใช้วัสดุก้อนเดิมประหยัดค่าใช้จ่าย
ข้อด้อย
– มีรอยต่อระหว่างก้อนค่อนข้างมาก
– วัชพืชมักเกิดขึ้นตามรอยต่อของสินค้า (สามารถป้องกันได้)
– สีสันเป็นสีเดียวทั้งก้อน

ชนิดของกระเบื้องปูพื้น

  1. กระเบื้องดินเผา
    กระเบื้องดินเผาเกิดจากวิวัฒนาการของการสร้างที่อยู่อาศัยของมนุษย์ โดยนำเอาดินไปเผาจนแข็งตัว เพื่อเพิ่มความมั่นคงแข็งแรง โดยส่วนใหญ่จะมีสีน้ำตาล ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ บ้าน พร้อมทั้งคุณสมบัติที่เก็บความชื้นได้ดี ทำให้เรื่องอุณหภูมิไม่ใช่ปัญหาสำหรับกระเบื้องดินเผาเลย แต่ข้อเสียหลักๆ ของกระเบื้องดินเผา จะเป็นเรื่องการทำความสะอาดเสียมากกว่า เพราะพื้นผิวของกระเบื้องดินเผาที่ไม่ได้เคลือบ จะทำให้สิ่งสกปรกฝังลึก จึงควรดูแลในเรื่องความสะอาดอย่างสม่ำเสมอด้วยนะ

2. กระเบื้องเซรามิค
กระเบื้องเซรามิคก็เปรียบเหมือนร่างสองของกระเบื้องดินเผา เพราะขั้นตอนการทำก็คือการนำกระเบื้องดินเผาผ่านเตาเผาอีก 1-2 รอบ และนำไปเคลือบผิวให้เกิดลวดลายต่างๆ ที่สวยงาม กระเบื้องเซรามิคจึงมีลวดลายและสีสันให้เลือกมากมาย ทั้งนี้ทั้งนั้น กระเบื้องเซรามิคถูกแบ่งประเภทไว้ใช้สำหรับปูพื้นและปูผนัง เวลาเลือกซื้อจึงควรเลือกให้ถูกประเภท หรือสอบถามพนักงานเพื่อความถูกต้อง ป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้

3. กระเบื้องโมเสค
กระเบื้องโมเสคจะมีหน้าตาเป็นกระเบื้องชิ้นเล็กๆ เกาะอยู่บนตาข่ายที่รองไว้ด้านล่าง เนื้อของกระเบื้องชิ้นเล็กเป็นแก้ว เซรามิค หรือหิน มีสีสันสวยงาม น่ารัก และด้วยสีสันที่หลากหลาย ทำให้หลายๆ บ้าน นำกระเบื้องโมเสคไปออกแบบเป็นผนังสุดอาร์ต แต่ข้อจำกัดอย่างหนึ่งของกระเบื้องโมเสค คือเรื่องของราคาที่มีตั้งแต่แผ่นละ 80 ไปจนถึงแผ่นละ 400 ใครที่มีงบในการทำบ้านอย่างจำกัด กระเบื้องโมเสคก็อาจจะทำให้งบทำบ้านบานปลายแบบสุดๆ เลยละ คำนวณดีๆ ก่อนจะใช้ด้วยจ้า

4. กระเบื้องแก้ว

หลายๆ คนอาจจะมองว่ากระเบื้องแก้วเป็นชนิดเดียวกันกับกระเบื้องโมเสค ซึ่งคำตอบคือ ถูกและผิด ถูกคือวัสดุที่ทำกระเบื้องแก้วกับกระเบื้องโมเสคมาจากอย่างเดียวกัน ส่วนที่ผิด คือกระเบื้องแก้ว คือกระเบื้องโมเสคที่อัพเลเวลแล้วด้วยการนำไปเคลือบให้เกิดความมันวาวมากขึ้น และรักษาลวดลายบนกระเบื้องให้อยู่ได้นานขึ้น รวมไปถึงประโยชน์ใช้สอยและพื้นที่ติดตั้งก็ต่างกัน ใครที่จะเลือกซื้อกระเบื้องสองชนิดนี้ จึงควรดูให้ดีนะว่าหยิบมาถูกชนิดหรือเปล่า

5.กระเบื้องแกรนิตโต้
ขึ้นชื่อว่าแกรนิตโต้ คงจะพอเดากันได้ว่า วัสดุที่นำมาผลิตคืออะไร home ถูกต้องแล้ว มันคือผงของหินแกรนิตที่ถูกนำมาอัดขึ้นรูปและผ่านความร้อนสูงมากๆ นั่นเอง ทำให้กระเบื้องแกรนิตโต้มีความแข็งแรงสูง และมีการเคลือบเงาทำให้ยากที่จะเห็นร่องรอยการขีดข่วนต่างๆ บนกระเบื้อง และด้วยความมันเงาบนกระเบื้องชนิดนี้ จะทำให้เกิดความรู้สึกถึงความกว้างของบ้านที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย

6. กระเบื้องหินอ่อน
มาถึงชนิดสุดท้ายกับกระเบื้องหินอ่อน ที่เมื่อนึกถึงคำว่าหรูหรา จะต้องมีกระเบื้องชนิดนี้ ยืนหนึ่งมาเลย แรกๆ ที่มีการนำหินอ่อนมาเป็นกระเบื้อง มักจะเกิดปัญหาเรื่องการเกิดรอยต่างๆ ที่ง่ายเสียเหลือเกิน แต่ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน ทำให้กระเบื้องหินอ่อนให้ทั้งความหรูหราและความทนทาน ไม่เกิดรอยขีดข่วนง่าย ๆ อีกต่อไป

คุณสมบัติของกระเบื้องปูพื้นภายนอก

  1. กระเบื้องสำหรับปูนอกบ้านต้องมีความแข็งแกร่งมากกว่ากระเบื้องปูภายใน
  2. เพราะพื้นภายนอกต้องเจอทั้งสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และต้องรับแรงกระแทกจากการใช้งานในระหว่างวันซึ่งบางครั้งก็เกิดจากการมีวัตถุหล่นทับแบบไม่ได้ตั้งใจ ทนต่อการเหยียบย่ำและรอยขีดขูดจากการเคลื่อนย้ายสิ่งของต่างๆ รวมทั้งน้ำหนักของรถยนต์ในส่วนของโรงจอดรถได้ ชนิดของกระเบื้องที่ใช้นอกบ้านจึงต้องสามารถรับแรงกระแทกได้ดี มีความแข็งแรงไม่แตกหักง่าย ซึ่งความแข็งแกร่งข้อนี้เกิดมาจากส่วนผสมของวัตถุดิบในการผลิต โครงการภูวิลล่า ภูเก็ต อย่างกระเบื้องแกรนิตโต้ กระเบื้องเซรามิก กระเบื้องดินเผา และกระเบื้องเกลซพอร์ซ เลน ก็สามารถใช้ได้ แต่ต้องเป็นชนิดที่ผลิตมาเพื่อใช้กับพื้นที่ภายนอกเท่านั้น
  3. พื้นผิวของกระเบื้องที่ใช้ปูภายนอก
  4. ส่วนใหญ่มักมีผิวกึ่งมันกึ่งหยาบไปจนถึงผิวหยาบ และผิวหยาบมาก กระเบื้องผิวหยาบด้านจะเพิ่มแรงเสียดช่วยป้องกันการลื่นล้ม เมื่อต้องสัมผัสน้ำได้ดีกว่ากระเบื้องผิวมันที่มักเป็นกระเบื้องสำหรับใช้ภายในบ้าน ผิวของกระเบื้องภายนอกจะสังเกตได้ง่าย มองด้วยตาเปล่าก็แยกออก แต่หากไม่แน่ใจ ให้ใช้มือเปียกลูบที่ผิวแผ่นกระเบื้อง หากรู้สึกสากที่มือเป็นอันใช้นอกบ้านได้
  5. ลวดลาย สีสัน และขนาดของกระเบื้อง
  6. นอกเหนือจากลวดลายสวยงามเป็นธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่ที่นิยมนั้นจะเทียบเคียงใกล้กับวัสดุธรรมชาติจริงๆ อย่างหินแกรนิต หินทรายตัด โทนสีก็เป็นอีกเรื่องที่ควรพิจารณา ควรเลือกโทนสีเข้มอย่างสีน้ำตาล เทา Phuket Villas หรือดำ เพราะพื้นที่นอกบ้านเป็นส่วนที่ต้องเจอกับคราบสกปรกอยู่เสมอ โทนสีเข้มจะช่วยพรางสายตาให้มุมนั้นๆ ไม่รู้สึกเกะกะสายตาด้วยคราบสกปรก เช่นเดียวกับขนาดของกระเบื้อง หากเลือกปูพื้นด้วยกระเบื้องแผ่นเล็ก ก็จะมีเส้นยาแนวเยอะกว่ากระเบื้องแผ่นใหญ่ อาจทำให้ดูไม่สวยงามและทำความสะอาดได้ยาก
  7. เทคนิคการปู
  8. แม้ว่าการปูกระเบื้องจะสามารถปูได้ถึง 3 แบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบเปียก แบบแห้ง และแบบซาลาเปา แต่ต้องไม่ลืมว่าพื้นที่ภายนอกเป็นส่วนที่โดนแดด ลม ฝนอยู่เสมอ ฉะนั้น ควรเลือกวิธีปูแบบแห้ง ซึ่งเป็นการปูที่เหมาะสมที่สุด โดยใช้ปูนทรายหรือกาวซีเมนต์เป็นตัวประสานระหว่างพื้นปูนกับกระเบื้อง โดยปาดปูนทรายหรือกาวซีเมนต์ให้ทั่ว แล้วปูกระเบื้องลงไป จะทำให้มีแรงยึดเกาะที่ดี มีอายุการใช้งานยาวนาน

อ่านเพิ่มเติม : บ้านวิลล่า ภูเก็ต